อุทยานนกน้ำบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ (หลับตา...ฝันถึงชื่อเธอ)

อ่าน 13,051

อุทยานนกน้ำบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ เป็นบึงน้ำจืดซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราเคยได้ยินข้อมูลแบบนี้มานาน แต่ก็ยังไม่เคยได้ไปสัมผัสว่า ที่บึงกว้างใหญ่แห่งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง จนมาวันนี้ ได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ถึงได้รู้ว่า บึงกว้างใหญ่แห่งนี้ มีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ มีสิ่งมีชีวิตนับร้อยนับพัน ที่อาศัยธรรมชาติแห่งนี้ในการดำรงชีวิต

เราไปเข้าทางด้านทิศใต้ของบึงบอระเพ็ด จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 3001 สายนครสวรรค์-ท่าตะโก ประมาณ 20 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายอีก 4 กิโลเมตร ถึง อุทยานนกน้ำ หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ในความคิดเราแค่จะไปติดต่อเรือเพื่อไปดูบัวแดงในตอนเช้า เจ้าหน้าที่ก็โทรติดต่อลุงจรให้ นัดหมายกัน 6โมงเช้า เพราะลุงจรมีคิว 8โมงเช้า นักท่องเที่ยวต่างชาติเหมาแก 6ชั่วโมง ค่าเรือชั่วโมงละ500บาท จังหวะที่ยืนคุยกันอยู่ก็มีคนตะโกนเรียกลุงจร บอกว่าต่างชาติ2คน จะเช่าเหลือ เรานี่หูผึ่งเลย

นึกในใจ "กูไปด้วย" ตะโกนถามลุงจร "ลุงจร ผมจอยด้วยได้ไหม" ลุงจรหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนตอบ "ได้มั้ง"

มามั้งมาม้งอะไร ต้องได้สิ คิดในใจ คว้ากล้องในรถได้ วิ่งตามลงเรือ ฝรั่งสองคนอยู่บนเรือ มองแบบงงๆ "อ้ายยนี่มันเป็นครายย" คงงงอยู่ในใจ " "ไปๆลุงจรเดี๋ยวค่ำ" ผมตะโกนบอก เหมือนเป็นคนเช่าเรือเสียเอง

ลุงจรติดเครื่องยนต์ 500แรงแพะ ของแก เสียงเครื่องยนต์ดังถึงตัวเมืองนครสวรรค์ แผดคำรามกึกก้องไปทั่วทั้งบึงบอระเพ็ด แปร๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปกันเลย

ร่องน้ำเดินเรือ คือ ถนนของเรือ ลุงจรพาเราไปอย่างช้าๆ ให้เราได้ลิ้มรสบรรยากาศโดยรอบ

ต่างชาติ2ท่าน ไม่ค่อยจะกล้ามองหน้าเราเท่าไร คงยังงงไม่หาย ต่างคนต่างถ่ายรูปตลอดทาง

เราก็แอบถ่ายรูปเธอเป็นระยะๆ

ลุงจรจะพาเราไปดูนก ช่วงเวลาเย็น นกจะบินกลับรัง มานอนที่ต้นไม้บนเกาะแห่งนี้ นกหลายพันตัว ส่งเสียงร้องดังแข่งกับเสียงเรือลุงจร อย่างไม่มีใครยอมใคร

ลุงจรดับเครื่องเรือ เพื่อให้เรายืนดูนกแบบไม่ไกลนัก ก่อนที่จะพาเราไปดูพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมแนวภูเขา

และนี่คือที่พักบนเกาะ ที่ทางอุทยานสร้างไว้ให้นักท่องเที่ยวมาพัก บางหลังเสร็จแล้ว สามารถติดต่อพักได้ที่ทำการอุทยานด้านหน้า

เราโดดขึ้นจากเรือเป็นคนแรก เพื่อวิ่งไปเข้าห้องน้ำด้านบน เจ้าหน้าที่(เจ้าถิ่น)บนเกาะ วิ่งไปต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เห่าเป็นภาษาอังกฤษต้อนรับสมกับกำลังเข้าสู่ปีแห่ง AEC จริงๆ

เรือลุงจร เป็นพื้นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีหลังคา มีโต๊ะตรงกลางพร้อมเก้าอี้นั่งโดยรอบ ด้านหน้าเรือมีที่นั่งซ้ายขวา เป็นเรือที่นิ่งมากเวลาแล่นไป เหมาะกับการถ่ายรูป ไม่มีคำว่าโคลงเคลงแม้แต่น้อยนิด

หลังจากขึ้นมาอยู่บนเกาะเล็กๆ ด้านหน้าพระอาทิตย์กำลังลับเหลี่ยมแนวเขา แสงสวยๆกำลังพอดี

เราตะโกนเรียกนักท่องเที่ยวต่างชาติ2คน ให้มานั่งใต้ซุ้มนี้ เราจะถ่ายรูปให้ ทั้งสองหันมายิ้มกึ่งหัวเราะให้พร้อมกับเดินไปนั่งสวีทกัน

จากกอดเป็นซบไหล่ จากซบไหล่เป็น.....

เป็น...จุ๊บปากกัน... โอ๊ยๆๆ เดี๋ยวปาด้วยกล้องเลย อิจฉาตาร้อนอย่างแรง

แสงสุดท้ายของวัน ที่ลาลับหายไปจากขอบฟ้า พร้อมกับพวกเราที่เตรียมตัวออกจากเกาะ เพื่อเดินทางต่อกลับฝั่ง

ตัดภาพมาบนเรืออีกครั้ง เรานั่งมองความรักของคู่นี้ พร้อมกับชื่นชมบรรยากาศยามเย็น ที่แสงเริ่มน้อยลงอากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาแทนที่ มีจังหวะเราก็ยกกล้องกดชัตเตอร์ เก็บช่วงเวลาที่เราชอบไว้

แสงค่อยๆหมดลง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดงระเรื่อ

นักท่องเที่ยวหญิงกำลังสนุกกับการบันทึกVDO ตลอดเส้นทาง ที่เราแล่นเรือกลับ แสงยามเย็น ท้องฟ้าสีสวยๆ อดไม่ได้ที่เราจะหยิบกล้องมาถ่ายภาพเธอแบบซิลลูเอท (ภาพเงาดำ)

เราบอกให้ฝ่ายชายมานั่งใกล้ฝ่ายหญิง เราจะถ่ายรูปให้ ฝ่ายชายเขยิบมาอย่างว่าง่าย พร้อมเล่นบทเจ้าชายจุ๊บปากเจ้าหญิงอีกแล้ววว โอ๊ยย เดี๋ยวตีด้วยขาตั้งกล้องเลยนี่ เราแอบคิดในใจ

ถึงฝั่งแล้ว เราไม่ต้องทนดูความสวีทของสองคนนี้แล้ว บนฝั่งยามเย็นแสงส้มๆปนฟ้า มาพร้อมกับเงากิ่งไม้สะท้อนน้ำ มันสวยจนเรายืนกดชัตเตอร์อีกพักใหญ่ก่อนจะขึ้นจากเรือ เราตะโกนเรียกคู่หนุ่มสาวชาวต่างชาติ ยูๆพร้อมกับยื่นเงินให้200บาท "ไอ200 ยู300 แชร์ๆ " ลุงจรได้500 เดินยิ้มกริ่มกลับบ้านไปสบายใจไทยแลนด์เราว่าต่างชาติคู่นี้โชคดีนะที่เจอเรา นอกจากมีคนช่วยแชร์ค่าเรือแล้ว ยังมีคนถ่ายรูปให้อีก เราส่งอีเมลไปให้หลังจากกลับมา พร้อมกับ ข้อความขอบคุณกลับมาเช่นกัน เพียงแค่คำขอบคุณและบอกว่าชอบรูปถ่ายของเรามาก แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว ความสุขง่ายๆกับสิ่งที่เรารัก พรุ่งนี้เรานัดลุงจร6โมงเช้า เพื่อนั่งเรือไปดูบัวแดงกับนกออกหากินยามเช้า

สวัสดียามเช้า ขับรถมาถึงอุทยานนกน้ำ 6โมง2นาที ลุงจรยังไม่มา เราเลยเดินถ่ายรูปรอ เพื่อฆ่าเวลาไม่งั้น รอนานๆต้องฆ่าลุงจรแทนแน่ๆ นัดแล้วยังไม่มา555

แสงยามเช้า ช่างสวยจริงๆ แสงสีส้มตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า ลวดลายของกิ่งไม้ที่ผลัดใบ ทำให้มองเห็นถึงกิ่งก้านได้อย่างชัดเจน

สะพานชมวิวทอดยาวไปในบึงยาวหลายร้อยเมตร เราเดินเรื่อยมาหยุดดูแสงเช้าไม่ไกลนัก เพราะกลัวลุงจรมาแล้วไม่เจอเรา

และแล้วอีกสิบนาทีผ่านไป ลุงจรสุดหล่อก็มาถึงที่นัดหมาย พร้อมกับเติมน้ำมันเครื่องเรือให้พร้อมที่จะพาเราไปลุยเสพธรรมชาติกัน

เรือเล็กชาวบ้าน ออกจากฝั่งพร้อมกับเราแต่เป้าหมายและทิศทางคงต่างกัน เป็นวิถีชีวิตยามเช้าที่เราเก็บภาพมาฝาก

ตัดภาพมาที่ลุงจร ใช้มือหมุนเครื่องยนต์จนได้รอบ เสียงเครื่องยนต์500แรงแพะของแก ทำงานอีกครั้งหนึ่ง

ลุงจรสะบัดข้อมือโยกหางเสือเรืออย่างชำนาญ ไม่นานนักก็กลับลำเรือ มุ่งสู่กลางบึงอันกว้างใหญ่ไพศาล

ตะวันโผล่ขึ้นพ้นขอบน้ำ ส่องแสงสีส้มลอยอยู่เหนือยอดไม้ และค่อยๆสูงขึ้นๆ ไปตามเวลา

เรือเล็กหาปลาของชาวบ้าน เหมือนกำลังจะกลับเข้าฝั่ง หลีกทางทางให้เรือใหญ่นามว่า "จรทานิค" ของเรา

สายตาเราสอดส่องผ่านแว่นสายตาที่ลืมเช็ดมาเมื่อเช้า เพราะความรีบ เริ่มเห็นฝูงนกสีขาวบินไปบินมาอยู่เหนือกอหญ้าที่ขึ้นลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ฉากหลังเป็นภูเขาสูงใหญ่อยู่ไกลๆ หัวใจเราเริ่มพองโต พอๆกับดวงตาที่เปิดกว้าง เพื่อมองให้ได้ไกลที่สุด

และแล้วสิ่งที่ลุงจรพยายามนำเสนอให้เราฟัง ก็ได้ปรากฏประจักษ์ให้เราเห็นอยู่ตรงหน้า ฝูงนกน้ำสีขาวตัดกับสีแดงของดอกบัว มีทั่วอยู่แทบทุกพื้นที่ ตื่นตา ตื่นใจ ตื่นนกยิ่งนัก

นี่ขนาดเพิ่งเริ่มต้นฤดูกาลของดอกบัวแดงบาน ยังมีให้เราดูเยอะขนาดนี้ ถ้าช่วงที่นกเยอะสุดและบัวเยอะสุดน่าจะเป็นเดือนมกราคม ลุงจรกล่าวกับเรา

นกน้ำนานาชนิด จะออกมาหาอาหารจับปลากันช่วงเช้าๆของวัน

ลุงจรบอก "วันนี้เราโชคดีวันหนึ่ง ที่เข้าใกล้ฝูงนกได้มากขนาดนี้" เรายิ้ม สงสัยเราจะเป็นตัวนำโชคแน่ๆ

เราถ่ายรูปแบบลนลานมาก ก็นกมันเยอะจนเราไม่รู้จะโฟกัสอะไรดี ช่วงเลนส์ซูมเราก็มีแค่70-200 มาที่นี่พาลให้อยากได้เลนส์ระยะ400ขึ้นไปสักหนึ่งตัวคงจะดี

ขณะที่กำลังเมามันกับการกดชัตเตอร์ เสียงเรือคำรามดังลั่นกว่าเดิม แต่เรือไม่แล่นไปข้างหน้า เราละสายตาจากกล้องมองหน้าลุงจร เพื่อหาคำตอบ "สงสัยใต้ท้องเรือติดพื้นดิน น้ำคงลงเยอะกว่าวันก่อน" ลุงจรกะพาเราข้ามเปลี่ยนร่องน้ำ เพื่อลัดไปอีกทางไม่ต้องแล่นเรืออ้อม เราคิดว่าปัญหาแบบนี้ลุงจรคงเจอบ่อยเลยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก หันไปอีกที เห็นลุงจรโดดลงไปใช้มือจับเสาเหล็กหลังคาเรือ โยกซ้ายโยกขวา เรือขยับนิดหน่อยแต่ไม่มาก ทันใดลุงจรก็เงยหน้า มองมาที่เรา เราสบตาใจหล่นไปใต้ท้องเรือ ถอยหลังสองก้าว ไม่นะ!! ไม่ใช่อย่างที่เราคิดใช่ไหม "คุณๆ ถอดรองเท้า ลงมาช่วงลุงดันเรือหน่อยสิ" นั่นไง กูว่าแล้ว "น้ำลึกหรือเปล่าลุง ผมว่ายน้ำไม่เป็นนะ"ตะโกนถามออกไป "ถ้าน้ำลึกท้องเรือมันจะติดหรือคุณ"

เออจริง!!!ไม่น่าตั้งคำถามโง่ๆเลย เราถอดรองเท้าทันใด ค่อยๆแหย่ขาลงน้ำ น้ำลึกประมาณหัวเข่า ยืนตั้งหลักได้ที่ ออกแรงโยกซ้ายขวาสลับกับลุงจร "เอาแบบนี้ เดี๋ยวลุงไปติดเครื่องด้านบน คุณดันไปเรื่อยๆนะ" จ๊ะ เอาที่ลุงสบายใจเลยลุง "คุณๆใกล้จะหลุดแล้ว เปลี่ยนไปดันด้านซ้ายบ้าง" จ๊ะ เอาที่สบายหัวใจลุงเหมือนเดิม แปร๊ดดๆๆๆเสียงลุงเร่งเครื่องยนต์เต็มที่ หลุดแล้ว เรากระโดดเกาะเรือแทบไม่ทัน เพราะถ้าพ้นตรงนั้นไปน้ำลึกไม่ต่ำกว่าสามเมตร ไม่รอดแน่เรา หลุดมาจากเด็กดันเรือก็มาเป็นช่างภาพต่อ

ดูนกจนเต็มอิ่ม ลุงจรบอกเดี๋ยวเราไปดงบัวแดงกัน ตอนนี้เริ่มเยอะแล้ว ไปๆ ผมบอกในทันที

ทุ่งดอกบัวแดง บานเต็มทั่วทั้งผืนน้ำ ฉากหลังที่เห็นเป็นภูเขาคือ เขาดาวดึงส์ สถานที่ตั้งวัดคีรีวงศ์ ซึ่งเป็นวัดที่สวยงาม ขึ้นไปด้านบนสามารถชมวิวได้ทั่วเมืองนครสวรรค์

ชื่นชมบัวแดงเหมาะสมแก่เวลา ก็นึกอยากได้รูปตัวเองบ้าง จะใครได้อีกล่ะ มีแต่ลุงจร" ลุงจรครับ ถ่ายรูปหล่อๆให้ผมหน่อย" ลุงจรยกมือมาปาดซ้ายปาดขวากับเสื้อตัวเอง (เช็ดมือ) ก่อนยื่นมือมารับโทรศัพท์จากเรา พร้อมกับเอาหลังดันหางเสือบังคับเรือไปด้วย ลุงจร ลุงนี่จะเก่งเกินมนุษย์มนาไปแล้วนะ เราคิดในใจ ผ่านไป ลุงจรยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้ "หน้ามืดมันย้อนแสง" "เอางี้ ต้องถ่ายจากทางนี้ ไม่มืดแน่ เห็นดอกบัวด้วย"

แช๊ะ และนี่คือรูปถ่ายจากฝีมือของลุงจร ผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือของเรา ?ไม่หล่อแต่มองไม่เบื่อ? ลุงจรว่างั้น

เราแถมอีกรูป ถ่ายสองเท้าจากสองมือเราเอง ให้เห็นถึงความชิว โต๊ะบนเรือนี่แข็งแรงมาก เราขึ้นนั่งได้สบาย

เล่ามาคงอยากเห็นหน้าลุงจรชัดๆแล้วใช่ไหม เดี๋ยวเราให้ดู เป็นไง ท่า "ชี้นกเป็นนก ชี้บัวเป็นบัว" ดูๆไปเรานึกว่านั่งเรือมากับ "พี่บัวขาว" ถึงหน้าแกจะโหดแต่แกอยู่ในโหมดคิตตี้ ใจดี๊ดี

ใกล้ถึงฝั่งแล้วครับ ด้านหลังที่เห็นคือเรือเร็วลาดตะเวน ออกตรวจตราจับกุมผู้กระทำผิดในเขตบึงแห่งนี้

กลับเข้าฝั่ง พร้อมกับขบวนส่งเรากลับของเหล่าบรรดานกๆ สองฝั่งร่องน้ำ

ทริคเล็กๆเอามาฝาก-เวลาที่เหมาะสมในการไปดูดอกบัวแดง ช่วงเช้าจนถึงเก้าโมง เราว่าเหมาะสุด-บัวแดงจะเยอะมากๆช่วงเดือนมกราคม นกก็เช่นกัน แต่เดือนธันวาก็ถือว่าเยอะมากแล้ว-นกที่เห็นในภาพ จะเห็นช่วงเช้า สายๆจะมีแต่ไม่เยอะเหมือนในภาพ-ช่วงเย็นเหมาะที่จะดูนกกลับรังนอน ชมพระอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมแนวภูเขาบนเกาะ-ไม่ควรใส่รองเท้าที่ถอดอยากเกินไป เพราะคุณอาจได้ลงน้ำไปดันเรือเหมือนกับเรา

การเดินทางทำให้เราได้พบสิ่งใหม่ๆ การได้พบสิ่งใหม่ๆทำให้ใจเราเบิกบาน

ธรรมชาติก็เช่นกัน คงอยู่อย่างนั้น แต่มัน...ไม่เคยเหมือนเดิม

สุดท้าย ขอให้ทุกคนท่องเที่ยวกันอย่างมีความสุข ติดตามพูดคุยทักทายเราได้ที่เฟส https://www.facebook.com/sabtarin.wimolrat

ติดต่อเรือลุงจร โทร 089-4602720



บทความแนะนำ


โปรโมชั่นFacebookMoneypennyเทคโนโลยีวันจันทร์ราชาฤกษ์โจโรฤกษ์ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก