บอกลาอาการปวดหัว!!...ด้วย 10 วิธีนี้ รับรองหายชัวร์ๆ แบบไม่พึ่งยาพารา !

อ่าน 13,010

สวัสดีค่ะสาวๆ ชาวสรุปเทรนดี้ หลายคนน่าจะมีโรคประจำตัวทั้งไมเกรน ทั้งภูมิแพ้กินยาทุกวันก็ได้แค่บรรเทา วันไหนไม่กินยาอาการก็กำเริบ เป็นแบบนี้บ่อยๆ ชักเบื่อกับการกินยาไม่มากก็น้อยใช่มั้ยคะ? เราลองมารักษาตัวเองโดยการกินอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว หรือสังเกตุตัวเองว่าอาหารชนิดไหนที่เราควรหลีกเลี่ยง ลองรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดกันดูก็ไม่เสียหายนะคะ

Cr: draxe.com

Cr: pinimg.com

1. แมกนีเซียม

จากการศึกษาพบว่าผู้ที่ปวดหัวไมเกรนมักมีอาการขาดแมกนีเซียม ควรได้รับแมกนีเซียมวันละ 200 - 600 มิลลิกรัม จะช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนแบบถีี่ๆ ได้ดี แหล่งอาหารที่มีแมกนีเซียมเยอะที่สุด คือ ผักโขมและผักใบเขียวทุกชนิด ถั่ว เมล็ดธัญพืชต่างๆ รวมถึงนม

Cr: draxe.comCr: pinterest.com

2. กลูเตนฟรี

กลูเตน คือ ไกลโคโปรตีนที่พบในส่วนที่เป็นเอนโดสเปิร์ลมของธัญพืชมักพบได้ในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ผู้ที่ชอบรับประทานเบเกอรี่เป็นประจำอาจมีอาการแพ้กลูเตนได้ สาวๆ บางคนอาจมีอาการปวดหัวไมเกรนเมื่อรับประทานเค้กชิ้นโตเข้าไป ลองสังเกตุตัวเองดูนะคะถ้าเราแพ้กลูเตนก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ หรือเลือกรับประทานเบเกอรี่ที่เป็นประเภทกลูเตนฟรีก็จะปลอดภัยค่ะ

Cr: draxe.com

Cr: pinterest.com/

3. กลิ่นเปเปอร์มินท์

กลิ่นของเปเปอร์มินท์เมื่อสูดดมแล้วให้ความรู้สึกชื่นใจค่ะสาวๆ แค่ทำจิตใจให้สงบสูดกลิ่นจากอโรมาเธอราปี กลิ่นของมันจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบริเวณสมองส่วนหน้า และบรรเทาอาการหดตัวของกล้ามเนื้ออีกด้วย ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ดีทีเดียวค่ะ

Cr: draxe.comCr: pinterest.com

4. กลิ่นลาเวนเดอร์

จากการวิจัยพบว่ากลิ่นของลาเวนเดอร์มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการไมเกรนได้มากเลยค่ะสาวๆ เพียงสูดดมเป็นเวลา 15 นาทีหรือนำน้ำมันหอมระเหยมาทาบริเวณขมับก็ได้เช่นกัน ไม่ยุ่งยากเลยนะคะกับการรักษาแบบที่เรียกว่า "กลิ่นบำบัด"

Cr: draxe.com

Cr: pinterest.com

5. ไคโรแพติค

สาวๆ หลายคนคุ้นเคยกับคำนี้ดีแต่มีอีกหลายคนอาจจะยังสงสัยว่าคืออะไรกันแน่ มันก็คือการจัดกระดูกนั่นเองค่ะ เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงเจอปัญหาโรคออฟฟิศซินโดรมเพราะต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานเกิดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อส่งผลถึงอาการปวดหัวไมเกรน เมื่อเราได้รับการบำบัดโดยการจัดกระดูกสันหลังรวมถึงการนวดศีรษะแล้ว ก็จะช่วยลดอาการตึงเครียดและอาการปวดหัวได้เยอะเลยค่ะ

Cr: draxe.com

Cr: pinterest.com

6. วิตามินบี

สาวๆ ทราบกันมั้ยคะว่าโดยปกติวิตามินบีจะไม่สามารถเก็บในร่างกายของเราได้ แต่ก่อนที่มันจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะนั้นมันได้สร้างประโยชน์ให้เรามากมายเลยค่ะโดยเฉพาะการทำงานของระบบประสาท วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 และวิตามินบี 12 แต่ละตัวก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป สาวๆ แค่รับประทานผักผลไม้และอาหารครบ 5 หมู่ก็ได้รับวิตามินบีที่ีเพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่มีวินัยในการทานอาหารก็สามารถทานวิตามินบีรวมที่มีให้เลือกมากมายได้ค่ะ

Cr: pinterest.com/

7. พฤติกรรมการกิน

การใช้ชีวิตของเราไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร คาเฟอีน หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล่านี้มีผลต่ออาการไมเกรนของเราแน่นอน วันๆ นึงบางทีสาวๆ อาจจะดื่มน้ำเปล่าน้อยไปนิดนึง แบบว่ากาแฟสดก็อร่อย ชาไข่มุกก็อดไม่ได้ไรงี้ สาวๆ ลองเลือกรับประทานผักหรือผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบก็ได้นะคะ เช่น แตงกวา แตงโม ส้มโอ ส้มเขียวหวาน มะเขือ ก็พอช่วยทดแทนได้บ้างเล็กน้อยค่ะ แต่ที่ดีที่สุดก็คือการดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอที่ร่างกายต้องการดีกว่าค่ะ

Cr: draxe.com

Cr: pinterest.com/

8. อาบน้ำ

ดีท็อกซ์ผิวบ้างก็ดีเหมือนกันค่ะสาวๆ กลับไปบ้านเย็นนี้ลองผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำอุ่นในอ่างเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวเราด้วยค่ะ อ่อ!!! สาวๆ อย่าลืมหยดกลิ่นเป๊บเปอร์มินท์หรือลาเวนเดอร์ลงในเตาอโรมาของเราด้วยนะคะ ได้ทั้งผ่อนคลายกับผิวสวยๆ ไปพร้อมกัน เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมค่ะ

Cr: draxe.com/

Cr: pinterest.com

9. ยืดเส้นยืดสาย

สาวๆ ที่นั่งท่าเดิมเป็นเวลานานอาจมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ จากแค่ปวดหลังบางทีอาจเจ็บไปถึงศีรษะทำให้อาการไมเกรนกำเริบขึ้้นมาอีก ทุก 1 ชม. สาวๆ ลองหมุนคอเป็นวงกลม หรือยืดแขนยืดขาลดความเมื่อยล้าและจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าได้ไปเข้าคลาสโยคะเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตอีกด้วยนะคะ

Cr: draxe.com

Cr: cupofjo.com/

10. กระเทียม

วิธีการรับประทานก็ง่ายมากค่ะ แค่แกะเปลือกให้สะอาดจะรับประทานแบบสดหรือนำไปผัดกับผัก ทานให้ได้วันละ 10 กลีบ หรือถ้าใครไม่สะดวกก็ทานแบบแคปซูลกระเทียมก็ได้ รับประทานต่อเนื่องทุกวันก็จะเห็นผลว่าอาการไมเกรนก็จะค่อยๆ หายไปในที่สุดนะคะ

Cr: liekr.comCr: pinterest.com/

วิธีง่ายๆ ที่แนะนำให้สาวๆ ไปลองทำกันดูนะคะ ในบางครั้งกรณีฉุกเฉิน ไ่มียาพาราก็สามารถนำวิธีี่เราแนะนำไปใช้ได้ค่ะ ที่สำคัญ การกินยาบ่อยๆ ก็ทำให้ตับเราทำงานหนักด้วย ถ้าเลี่ยงได้ก็ดีนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีเนอะ



บทความแนะนำ


เปิ้ลแม็กซิมไอริณเอมมี่หมวยข่าวบันเทิงวันนี้ดวงประเทศไทย2558ข่าวบันเทิงดูดวงโปรโมชั่นkarmartลดราคาทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก