28 ธ.ค. วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กษัตริย์พระองค์เดียวแห่งกรุงธนบุรี
28 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันคล้าย วันปราบดาภิเษก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 พระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวแห่งกรุงธนบุรี และทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของราชอาณาจักรไทยที่มาจากเชื้อสายจีน
พระองค์ท่านทรงกอบกู้เอกราชให้ประเทศไทย
ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของพสกนิกรชาวไทย
ร่วมน้อมรำลึกถึงมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน วันนี้แคมปัส-สตาร์
ขอนำเรื่องราวพระราชประวัติมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ
สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 เสด็จพระบรมราชสมภพเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277
มีพระนามเดิมว่า สิน พระราช
บิดาเป็นพ่อค้าชาวจีนแต้จิ๋ว นามว่า ?นายไหฮอง แซ่แต้? พระมารดา
เป็นหญิงไทยนามว่า ?นกเอี้ยง?
สำหรับถิ่นกำเนิดของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีนั้นน่าจะเกิดในแถบภาคกลาง
มากกว่าเมืองตาก ซึ่งมักว่ากันว่าอยู่ในกรุงศรีอยุธยาขณะทรงพระเยาว์
คลอดได้ 3 วัน มีงูเหลือมใหญ่เลื้อยเข้าไปขดรอบตัวทารก เป็นทักขิณาวัฏ
ขุนพัฒผู้เป็นบิดาเกรงว่าเรื่องนี้อาจลางร้ายแก่สกุล
จึงยกบุตรคนนี้ให้แก่เจ้าพระยาจักรี
แล้วเจ้าพระยาจักรีได้เลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม
และตั้งแต่เจ้าพระยาจักรีได้เด็กน้อยคนนี้มา
ลาภผลก็เกิดมากมูลพูนเพิ่มมั่งคั่งขึ้นแต่ก่อน
เจ้าพระยาจักรีจึงกำหนดเอาเหตุนี้ขนานนามให้ว่า สินการศึกษา
ครั้นเมื่ออายุได้ 7 ขวบ เจ้าพระยาจักรีนำเข้าฝากให้เล่าเรียนหนังสืออยู่ในสำนักของพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส ต่อมาได้เข้าถวายตัวรับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
เมื่ออายุได้ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีได้จัดงานมงคลตัดจุกนายสิน
เป็นการเอิกเกริกและในระหว่างนั้น
มีผึ้งหลวงมาจับที่เพดานเบญจารดน้ำปรากฏอยู่ถึง 7 วันจึงหนีไป
และในระหว่างนี้ นายสินได้พยายามศึกษาหาความรู้ในภาษาต่างประเทศ มี
ภาษาจีน (ในที่นี้หมายถึงภาษาหมิ่นใต้), ภาษาญวน และภาษาแขก
จนสามารถพูดคล่องได้ทั้ง 3 ภาษา และยังได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย ขอม และคัมภีร์พระไตรปิฎกวันหนึ่ง นายสินคิดตั้งตนเป็นเจ้ามือบ่อนถั่ว
ชักชวนบรรดาศิษย์วัดเล่นการพนัน พระอาจารย์ทองดีทราบเรื่องจึงลงโทษทุกคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสิน โดยให้มัดมือคร่อมกับบันไดท่าน้ำประจานให้เข็ดหลาบ
นายสินถูกมัดแช่น้ำตั้งแต่เวลาพลบค่ำ พอดีเป็นช่วงเวลาน้ำขึ้น
พระอาจารย์ทองดีไปสวดพระพุทธมนต์ลืมนายสิน จนประมาณยามเศษ
พระอาจารย์นึกขึ้นได้จึงให้พระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นอันเตวาสิก
ช่วยกันจุดไต้ค้นหาก็พบนายสินอยู่ริมตลิ่ง มือยังผูกมัดติดอยู่กับบันได
แต่ตัวบันไดกลับหลุดถอนขึ้นมาได้อย่างอัศจรรย์
เมื่อพระภิกษุสงฆ์ช่วยกันแก้มัดนายสินแล้ว
พระอาจารย์ทองดีจึงพาตัวนายสินไปยังอุโบสถให้นั่งลงท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์
แล้วพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายสวดพระพุทธมนต์ด้วยชัยมงคลคาถาเป็นการรับขวัญผนวช
ต่อมาเมื่อนายสินเรียนจบการศึกษา
เจ้าพระยาจักรีก็ได้นำไปถวายตัวรับราชการภายใต้หลวงนายศักดิ์นายเวร
ภายหลังเป็นเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์จนมีอายุได้ 20 ปีบริบูรณ์
เจ้าพระยาจักรีได้จัดการอุปสมบทเป็นพระภิกษุให้
โดยได้อุปสมบทอยู่กับอาจารย์ทองดี ณ วัดโกษาวาส และบวชอยู่นานถึง 3 พรรษา
ในระหว่างอุปสมบทพระภิกษุสินได้ออกบิณฑบาตพร้อมกับพระภิกษุ ทองด้วง
เป็นประจำ เพราะรับราชการเป็นมหาดเล็กทำงานด้วยกันมาหลายปี
ทั้งสองมีความรักใคร่กลมเกลียวกันมาก ได้อุปสมบทพร้อมกันวันหนึ่ง ทั้งสองได้พบกับซินแสหมอดูชาวจีนผู้หนึ่ง
ซึ่งทำนายว่าทั้งสองมีลักษณะมีบุญที่จะขึ้นครองราชบัลลังก์เป็นพระมหา
กษัตริย์ ซึ่งในเวลาต่อมา ทองด้วง สหายของสิน
ได้กลายมาเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลถัดจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี คือ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงปราบดาภิเษกขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
แห่งกรุงศรีอยุธยาในทางพิธีการ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในสมัยอาณาจักรธนบุรี ขณะพระชนมายุได้ 34
พรรษาพระปรมาภิไธย
- สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีพระนามเรียกที่แตกต่างกัน ดังนี้
- เมื่อพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ ทรงใช้พระนามว่า ?พระศรีสรรเพชร
สมเด็จบรมธรรมิกราชาธิราชรามาธิบดี บรมจักรพรรดิศร บวรราชาบดินทร์
หริหรินทร์ธาดาธิบดี ศรีสุวิบูลย์ คุณรุจิตร ฤทธิราเมศวร
บรมธรรมิกราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพ ตรีภูวนาธิเบศร์ โลกเชษฏวิสุทธิ์
มกุฏประเทศคตา มหาพุทธังกูร บรมนาถบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ณ
กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกนพรัฐ
ราชธานีบุรีรมย์อุดมพระราชนิเวศมหาสถาน?
- พระราชพงศาวดาร กรุงศรีสัตนาคนหุต เรียกว่า สมเด็จพระเอกาทศรถ
- พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) เรียกว่า พระบรมหน่อพุทธางกูรเจ้า
- จดหมายเหตุกรุงธนบุรีในสมุดไทยดำ
ชื่อพระราชสาสน์และศุภักษรโต้ตอบกรุงธนบุรีและกรุงศรีสัตนาคนหุตจุลศักราช
1140 ใช้ พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถอิศวรบรมนาถบรมบพิตร และ
พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรุทอิศวรบรมนาถบรมบพิตร
- ตอนปลายรัชกาล พระรัตนมุนี ได้ถวายพระนามใหม่ว่า สมเด็จพระสยามยอดโยคาวจร
- พระราชพงศาวดาร ฉบับราชหัตถเลขา เรียกว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4
- พระนามที่เรียกกันตามหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไป เรียกว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
- ประชาชนทั่วไปขนานนาม สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
- พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เมื่อมีพระชนมายุได้
48 พรรษา รวมระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติทั้งสิ้น 15 ปี
พระราชโอรส-พระราชธิดา รวมทั้งสิ้น 30 พระองค์
พระราชกรณียกิจที่สำคัญในรัชสมัยของพระองค์ คือ
- กอบกู้เอกราชจากพม่าภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โดยขับไล่ทหารพม่าออกจากราชอาณาจักรจนหมดสิ้น
- ทรงทำสงครามตลอดรัชสมัยเพื่อรวบรวมแผ่นดินซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ
ขุนศึกก๊กต่าง ๆ ให้เป็นปึกแผ่น
เช่นเดียวกับขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง น
- ทรงมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูประเทศในด้านต่าง ๆ ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติหลังสงคราม
- ทรงส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม และการศึกษา
เนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อแผ่นดินไทย รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่
28 ธันวาคมของทุกปีเป็น ?วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน?
และยังทรงได้รับสมัญญานามมหาราช
ปราบดาภิเษก
ด้วยเหตุผลทางยุทธศาสตร์และการเมืองเป็นสำคัญ ทำให้เจ้าตากมา ?ยับยั้ง?
อยู่ ณ เมืองธนบุรี ซึ่งมีลักษณะเป็นราชธานีไม่ถาวร ก่อนหน้านั้น
เมืองธนบุรีถูกทิ้งร้าง มีต้นไม้ขึ้นและซากศพทิ้งอย่างเกลื่อนกลาด
ทำให้ต้องมีการเกณฑ์แรงงานจัดการพื้นที่ขึ้นมาใหม่
เจ้าตากยังมีรับสั่งให้คนไปอัญเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยตอนปลายอยุธยาจาก
เมืองลพบุรีมายังเมืองธนบุรี
และได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าเอกทัศตามโบราณราชประเพณีหลังจากที่อพยพผู้คนและทรัพย์สินลงมาทางใต้และตั้งราชธานีใหม่ขึ้นที่
เมืองธนบุรี เรียกนามว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร
แต่เอกสารทางราชการสมัยกรุงธนบุรียังคงเรียกนามเมืองหลวงตามเดิมว่า
?กรุงพระมหานครศรีอยุธยา?
เจ้าตากทรงปราบดาภิเษกขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตามแบบพระเจ้าแผ่นดิน
ครั้งกรุงเก่า จดหมายเหตุโหรระบุว่าเป็นวันอังคาร แรมสี่ค่ำ จุลศักราช 1129
ซึ่งตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เฉลิมพระปรมาธิไธยว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ในขณะที่ยังมีพระชนมายุ 34
พรรษา
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้มีผู้ที่มีแนวคิดต้องการรื้อฟื้นราชอาณาจักรอยุธยา
ขึ้นมาใหม่มาเข้าร่วมด้วยกับชุมนุมของพระองค์เป็นอันมาก
ทำให้สถานะพระมหากษัตริย์ของพระองค์เด่นชัดยิ่งขึ้น
อีกทั้งพระองค์ยังทรงเริ่มประกอบพระราชกรณียกิจตามแบบอย่างพระมหากษัตริย์
แห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อแสดงถึงสิทธิธรรม
การเลือกกรุงธนบุรีเป็นราชธานียังถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟู
เศรษฐกิจที่เสียหายจากสงครามกับพม่าด้วยหลังจากทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังกรุงธนบุรี
หรือ พระราชวังเดิมขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2310
เป็นพระราชวังหลวงซึ่งใช้เป็นที่ประทับและว่าราชการ พร้อมกับปรับปรุง
?ป้อมวิไชยเยนทร์? และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ?ป้อมวิไชยประสิทธิ์?
ตำแหน่งของพระราชวังนี้เป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์
สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล
อีกทั้งยังใกล้กับเส้นทางคมนาคมและเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญอีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกองทัพเรือ