ฟัน 4 แฮ็กเกอร์ ตั้งข้อหาอั้งยี่ ? เรือนจำหาม"จตุพร พรหมพันธุ์" ส่งรพ.

อ่าน 14,930

เรือนจำหาม"จตุพร พรหมพันธุ์" ส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เผยไข้ขึ้นสูง

อาเจียน คาดเกิดจากอาหารเป็นพิษ ไม่อนุญาตให้ใครเยี่ยมนอกจากญาติ

ด้านประธาน สนช.พรเพชร

อ้างแก้พ.ร.บ.สงฆ์ปมตั้งสมเด็จพระสังฆราชย้อนกลับไปสู่ร่างเดิมฉบับปี 2505

ชี้ที่ผ่านมาในส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติมก็ไม่เคยใช้

ขณะที่รองประธานระบุถ้าหากมีพระชุมนุมต้านก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะรับมือ

ด้านเพื่อไทยอัดบิ๊กตู่ไม่เชื่อมหาเถรสมาคม

แก้กฎหมายโดยไม่หารือองค์กรสงฆ์ก่อน "ดร.ปึ้ง" ชี้ปีหน้าเจอศึกหนักแน่

ทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายคณะสงฆ์ และใช้อำนาจมาตรา 44 กรณีเหมืองทอง

ซึ่งเสี่ยงถูกฟ้องนับหมื่นล้านจากศาลระหว่างประเทศ "ปู" ขอบคุณชาวภูไท

เขาวงกาฬสินธุ์ส่งข้าวเหนียวมาเป็นของขวัญปีใหม่

พร้อมชักชวนประชาชนช่วยซื้อ ระบุคุณภาพดี หอม เหนียว นุ่ม ตร.รับตัว 4

แฮ็กเกอร์จากทหารส่งปอท.ดำเนินคดีอั้งยี่-พ.ร.บ.คอมพ์

ตู่อ้างไทยมีจุดอ่อน-ไม่แยกแยะ

วันที่ 30 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์

จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เวลา 08.35 น. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

วันเดียวกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนช่วงหนึ่งว่า

สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นอุปสรรคที่ตนเห็นว่าเป็น?จุดอ่อน? ของประเทศไทย

ซึ่งอาจเกิดจากคนบางกลุ่มคือ การไม่สามารถแยกแยะและไม่เข้าใจคำสำคัญ 3

คำก็คือ สิทธิ หน้าที่ และเสรีภาพ ซึ่งเมื่อกฎหมายกำหนดสิทธิให้ทุกคน

หน้าที่ก็ตามมา เราจะเรียกร้องแต่สิทธิ โดยไม่สนใจหน้าที่ก็คงเป็นไปไม่ได้

เพราะจะทำให้สังคมเกิดความสับสนอลม่าน วุ่นวาย

ยิ่งกว่านั้นบางคนกลับเข้าใจว่าอิสรภาพคือเสรีภาพ ทำอะไรก็ได้

ไม่สนใจคนอื่น สังคมจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ทั้งๆ

ที่ความจริงแล้วสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายจะลดทอนอิสรภาพของเราให้เหลือเพียง

เสรีภาพ ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ทุกประเทศในโลกนี้ก็เป็นเช่นนี้

หากปล่อยให้มีอิสรภาพที่ไร้ขอบเขตย่อมนำไปสู่การละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ในที่สุดจะนำไปสู่ปัญหา ทุกอย่างจึงต้องอาศัยกฎหมายเป็นปัจจัยสำคัญเสมอ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้ทุกคนสำรวจความเข้าใจให้ถูกต้อง

ช่วยกันลดจุดอ่อนในตัวเอง ขจัดจุดอ่อนของสังคมไทย

ด้วยการปรับทัศนะและกระบวนการคิดในการมองโลก

การปลูกจิตสำนึกให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

และการเสริมสร้างอุดมการณ์ความรักชาติเพื่อจะมุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกันทั้งประเทศ

ดำเนินคดี 4 แฮ็กเกอร์ข้อหาอั้งยี่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร.

กล่าวถึงกรณีการติดตามดำเนินคดีกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ว่าทหารได้ส่งตัวผู้ต้องหากลุ่มแฮ็กเกอร์ให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

(บก.ปอท.) จำนวนทั้งสิ้น 4 ราย

โดยรายแรกส่งมอบตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26

ธ.ค.

รองโฆษกตร.กล่าวต่อว่า ส่วนอีก 3 รายที่เหลือได้รับตัวไว้แล้วที่บก.ปอท.

มีการดำเนินคดีในข้อหาที่หลากหลาย ทั้งข้อหาอั้งยี่

ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209

มีการดำเนินคดีตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 5

ว่าด้วยการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบโดยมิชอบ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท มีความผิดฐานเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ

มาตรา 7 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท

มีความผิดในข้อหาร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลายระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ

มีความผิดตามมาตรา 9 มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

รวมทั้งมีความผิดฐานร่วมกันชะลอ ขัดขวาง ระบบคอมพิวเตอร์ มาตรา 10

มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

ซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนในการดำเนินคดี

ศาลจึงอนุมัติออกหมายจับบุคคลดังกล่าว

หลังจากนี้จะมีการสืบสวนสอบขยายผลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแฮ็กเกอร์อีก 3 ราย

ที่ปอท.นำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ประกอบด้วยนายอ๊อฟ

(ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) นาย หมูเต้ย (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) และชายอีก 1

ราย ถูกนำตัวมาสอบปากคำโดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

พท.ติงกก.ปฏิรูปไร้ภาคประชาชน

วันเดียวกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล

ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า

เรื่องการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของประเทศและมีผลต่อประชาชนทุกคน

หากการปฏิรูปเดินไปสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคมและความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกประเทศและประชาชนก็จะได้ประโยชน์

แต่หากเดินไปผิดทิศผิดทางก็อาจได้ผลตรงกันข้าม ดังนั้น

การปฏิรูปประเทศจึงเป็นเรื่องใหญ่และเกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ

ภาคประชาชนควรได้มีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าวตั้งแต่เริ่มแรก

โดยเฉพาะกับเรื่องใดบ้างที่จะมีการปฏิรูป

ซึ่งกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูป

นายชูศักดิ์กล่าวว่า

แต่เมื่อดูองค์ประกอบของคณะกรรมการที่ปรากฏจากสื่อจะเห็นได้ว่ามีแต่องค์ประกอบในส่วนของราชการเพียงฝ่ายเดียว

โดยมีนายกฯเป็นประธาน มีรองนายกฯ ทุกคนเป็นกรรมการ ประธานสนช. ประธานสปท.

เลขาฯสภาพัฒน์ เลขาฯกฤษฎีกา ผอ.สำนักงบประมาณ และเลขาธิการนายกฯ

เป็นกรรมการ รวมทั้งหมด 19 คน โดยไม่มีองค์กรภาคประชาชนร่วมด้วยเลย

จึงเห็นว่าแม้คณะกรรมการดังกล่าวจะเป็นเพียงทำหน้าที่เตรียมการปฏิรูป

จี้ทบทวน-รอหลังรธน.ประกาศ

นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า ความเห็นและมติต่างๆ

จะส่งผลต่อการปฏิรูปประเทศและการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ

ซึ่งต้องมีการดำเนินการในเวลาต่อมาภายหลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้ว

ต้องมีการตรากฎหมาย เช่น กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติภายใน 120

วันนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ

และต้องทำยุทธศาสตร์ชาติให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีนับแต่มีกฎหมายดังกล่าว

รัฐธรรมนูญยังได้กำหนดให้มีการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ

โดยจะต้องมีการตรากฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ

กฎหมายดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับภายใน 120

วันนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญด้วย

นายชูศักดิ์กล่าวว่า ดังนั้น

การดำเนินการใดที่จะมีผลต่อประโยชน์ได้เสียโดยรวมของประเทศและประชาชน

และมีผลผูกพันต่อการบังคับใช้รัฐธรรมนูญในอนาคต

จึงสมควรที่จะเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆ

ของสังคมได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาและกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วย

ไม่ใช่เอาแต่ฝ่ายรัฐบาลและข้าราชการเท่านั้น

เนื่องจากขณะนี้ยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าวว่าได้ประกาศใช้แล้วหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์จึงควรที่จะทบทวนองค์ประกอบของคณะกรรมการเสียใหม่

หรือควรจะรอให้รัฐธรรมนูญประกาศใช้ก่อน

แล้วดำเนินการสรรหาคณะกรรมการในลักษณะเปิด

เพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ของทุกภาคส่วนเข้าร่วม

เพื่อให้การปฏิรูปเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทุกคนอย่างแท้จริง

ในชั้นนี้จึงไม่ควรจะทำอะไรไปก่อนที่รัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับใช้

ปชป.เผยชาวบ้านถามโรดแม็ป

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า

การเดินหน้าตามโรดแม็ปเลือกตั้งของรัฐบาลที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประกาศไว้นั้น ทุกวันนี้มีชาวบ้านเจอตนแล้วถามกันมาก

ว่าโรดแม็ปเลือกตั้งจะเป็นไปตามเดิมหรือไม่ แต่ต้องทำความเข้าใจกับเขาก่อน

เพราะคนที่ถามส่วนมาก 90 เปอร์เซ็นต์ไม่เข้าใจคำว่าโรดแม็ปคืออะไร

แต่พูดต่อๆ กันมาตามคนอื่น เราบอกชาวบ้านว่า โรดแม็ป

คือระยะเวลาว่าจะทำอะไรเมื่อไร

ซึ่งรายละเอียดถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ผ่านการลงประชามติแล้ว

เพราะฉะนั้นถ้าการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามโรดแม็ปเดิมก็คือไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ลงประชามติ

นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า

ส่วนอีกเหตุผลที่จะทำให้โรดเเม็ปเลือกตั้งไม่เหมือนเดิม

คือต้องชะลอการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติออกไป

แต่ตนยังไม่เห็นว่าจะชะลอการบังคับใช้ได้อย่างไร

ตนไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเรื่องเลื่อนหรือไม่เลื่อน

แต่ตอบตามมุมเหลี่ยมของรัฐธรรมนูญว่าต้องเดินไปตามกฎหมาย ดังนั้น

ผู้ที่บอกว่าอาจจะไม่เป็นไปตามโรดแม็ปต้องออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่าจะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญเพราะอะไรและจะทำอะไร

อย่างไร ส่วนตัวยังคิดไม่ออกว่าจะเป็นแบบไหน

วรชัยเตือน"ตู่"ระวังจบไม่สวย

นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์

เข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 29

ธ.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์

ออกอาการหงุดหงิดเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ พล.อ.เปรมระบุว่า

ให้เสร็จภารกิจโดยเร็วว่า

พล.อ.ประยุทธ์บอกเสมอว่าที่ยึดอำนาจเพราะความแตกแยก มีการคอร์รัปชั่น

แต่นี่เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้วภารกิจเหล่านั้นลุล่วงหรือไม่ ภารกิจที่

พล.อ.เปรมพูดถึงก็คือภารกิจที่คสช.อ้างไว้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว

กฎหมายลูกก็กำลังจะเสร็จ

ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือพล.อ.ประยุทธ์ต้องเดินตามโรดแม็ป

แต่ที่ออกอาการหงุดหงิดจึงมีคำถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ต้องการอยู่ต่อหรือ

ไม่อยากทำตามโรดแม็ปหรือ

โดยที่ผ่านมาที่มีโพลระบุว่าประชาชนนิยมรัฐบาลจากรัฐประหาร

เป็นการสร้างเงื่อนไขที่จะอยู่ในอำนาจต่อหรือไม่

เป็นเรื่องที่อันตรายมากที่สุด

อย่าลืมว่าความขัดแย้งในประเทศยังมีอีกมากทั้งเรื่องของชาวสวนยาง

เด็กเล่นคอมพิวเตอร์ก็ไปจับ ย้ายข้าราชการไปกองอยู่เต็มทำเนียบตามมาตรา 44

เท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์มีศัตรูเต็มไปหมด ทั้งข้าราชการกลุ่มอาชีพต่างๆ

หรือแม้แต่พระสงฆ์ เพราะฉะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ต้องเชื่อ

พล.อ.เปรมจะได้ลงอย่างสวยงาม ไม่เช่นนั้นจุดจบของอำนาจจะไม่สวย

จี้รีบคืนอำนาจ-อย่าหาศัตรูเพิ่ม

นายวรชัยกล่าวว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ รีบจัดการเลือกตั้ง

คืนอำนาจให้ประชาชน สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศตามโรดแม็ป

อย่าใช้วิธีต่อท่ออำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ จะแพ้ทางการเมือง ถ้าใช้มาตรา 44

ตามใจตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ลำบากในอนาคตเพราะจะมีศัตรูเพิ่มขึ้น

การเชื่อแต่คนรอบข้างคนใกล้ชิดผลที่สุดรัฐบาลจะแพ้ความเชื่อมั่นจะค่อยๆ

หมดไปจนบริหารประเทศไม่ได้ในที่สุด ดังนั้นปีใหม่นี้ขอเรียกร้องให้

พล.อ.ประยุทธ์ยกเลิกมาตรา 44 ให้มีความเป็นประชาธิปไตย

อย่าเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่ และขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ใจเย็นๆ

นักข่าวถามเรื่องเลือกตั้งก็อย่าหงุดหงิด อย่าใจร้อน

เอาประเทศเป็นตัวตั้งอย่ายึดแต่ตัวตน อย่าโกรธเกลียดนักการเมือง

เพราะนักการเมืองมาจากประชาชน

นอกจากนี้กองทัพต้องเป็นสถาบันหลักที่ประชาชนรักและอุ้มชูกันอย่าใช้กองทัพปกป้องอำนาจตัวเอง

เพราะกองทัพเป็นของประเทศชาติและประชาชนไม่ใช่ของพล.อ.ประยุทธ์

หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม

อย่าผลักไสให้กองทัพเป็นศัตรูกับประชาชน

สนช.เชื่อรบ.รับมือม็อบพระได้

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

กล่าวกรณีเกิดเสียงค้านหลังสนช.ผ่านร่างแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ว่า

เรื่องที่มีการต่อต้านหรือจะมีม็อบพระนั้น ตนไม่ทราบว่าจะมีหรือไม่

เพราะเราแก้ไขให้กลับไปใช้แบบโบราณราชประเพณี

หมายถึงแก้ไขไปสู่ก่อนการแก้พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี 2535

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากแก้ไขเมื่อ พ.ศ.2535

แล้วก็ยังไม่เคยมีการตั้งสมเด็จพระสังฆราชเลย

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะเกิดม็อบพระขึ้น นายพรเพชรกล่าวว่า

เรื่องนั้นก็ศึกษามาอยู่ แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร

เราเป็นผู้รับผิดชอบในการออกกฎหมาย

ส่วนเรื่องความสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องดูแล

เชื่อว่ารัฐบาลจะทำให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้

ด้านนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. กล่าวว่า

จะมีผลตอบรับหรือเสียงค้านอย่างไร สนช.ในฐานะผู้แก้ไขกฎหมายต้องรับฟัง

และต้องรับผิดชอบกันทั้งสภาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเสนอแก้ไขกฎหมายทางด้านคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ

วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สนช.ได้ศึกษามาก่อนนานแล้ว

ส่วนเรื่องที่มีแรงต้านก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล

แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดการออกมาชุมนุมต่อต้านของพระสงฆ์ในตอนนี้

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เรามีข้อสังเกตไปยังรัฐบาลว่าคณะกรรมาธิการได้ศึกษาแล้วว่าไม่น่าจะเกิดการชุมของพระ

และเท่าที่ฟังทางคณะกรรมาธิการฯ ก็บอกว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ไม่ใช่มีแต่คนค้านอย่างเดียว ดังนั้นจึงเชื่อว่ารัฐบาลมีข้อมูลและรับมือได้

สุรชัยเร่งปั๊มกฎหมาย 200 ฉบับ

ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่หนึ่ง เปิดเผยว่า

การทำงานของสนช.ตลอดปี 2560 จะมีงานสำคัญ คือ

การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน 10 ฉบับ รวมไปถึงกฎหมายอื่นๆ

ที่เกี่ยวข้องอีกประมาณ 50 ฉบับ รวมแล้วประมาณ 60 ฉบับ

ซึ่งเป็นภารกิจและความรับผิดชอบของสนช.ที่ต้องดำเนินการตามกรอบเวลาของรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีมีมติเร่งรัดเป็นพิเศษอีก 41 ฉบับ

รวมในส่วนนี้ทั้งหมดแล้วจะมีประมาณ 100 ฉบับ

และยังมีกฎหมายที่อยู่ในบัญชีตามโรดแมปของคณะรัฐมนตรีอีกมากกว่า 100 ฉบับ

"ตรงนี้เป็นภารกิจของสนช.ทั้งหมดในปี 2560

ที่ต้องรับผิดชอบเพื่อออกกฎหมาย

เพื่อให้เป็นเครื่องมือกับรัฐบาลในการบริหารประเทศ

ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของโรดแม็ปก่อนนำไปสู่การเลือกตั้งประมาณกลางปี 2561"

นายสุรชัยกล่าว

เมื่อถามว่าตลอดปีที่ผ่านมาประเมินผลงานของสนช.อย่างไร นายสุรชัยว่า

ภาพรวมส่วนตัวให้ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20%

เป็นเรื่องการพิจารณาร่างพ.ร.บ.บางฉบับที่เป็นไปอย่างล่าช้า

เพราะมีการขอขยายเวลาหลายครั้ง หรือบางฉบับมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ

จนต้องมีการนำกลับมาแก้ไข

ขู่รบ.ใหม่อย่าแก้รธน.-ชี้วิกฤต

?ในช่วงเปลี่ยนผ่านของบ้านเมืองมีเรื่องที่ต้องช่วยกันคิดเยอะๆ

ต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วังวนเดิมคือ

ความขัดแย้งของพรรคการเมืองของนักการเมืองของประชาชน สิ่งที่เราคิด ณ

วันนี้จะได้รับการปฏิบัติต่อเนื่องไปเพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

ในอดีตเราเคยเจออะไรมาบ้าง เช่น พอมีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 และการเลือกตั้ง

รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550

ก็ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างนี้คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้น

ก็ทำให้คิดเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่วิกฤตของบ้านเมือง

จะทำอย่างไรที่จะได้เห็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทุ่มเทไปกับการบริหารราชการเมืองให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง?

นายสุรชัยกล่าว

เมื่อถามว่ายังยืนยันได้หรือไม่ว่าการเลือกตั้งจะมีตามโรดแม็ป

นายสุรชัยกล่าวว่า สนช.คงไม่สามารถยืนยันในเรื่องนี้

เพราะไม่ได้มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง

แต่สนช.ยืนยันว่าจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 60

วันตามกรอบของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม

เท่าที่ผ่านมารัฐบาลยืนยันมาตลอดว่าจะดำเนินการตามโรดแม็ป

มีชัยเตือนรับมือความเปลี่ยนแปลง

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือกฎหมายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศปี

2560 ว่า ที่ผ่านมาทุกคนคงตระหนักดีว่าการเมืองไทยไม่ค่อยมีเสถียร ภาพ

ซึ่งอาจเกิดจากคนหรือระบบและความไม่พร้อมในหลายเรื่อง

รวมถึงความไม่สอดคล้องระหว่างกฎ กติกา กับวัฒนธรรมวิถีชีวิตของคนไทย

ซึ่งมักจะนำรูปแบบการปกครองประเทศอื่นมาปรับใช้

โดยไม่คำนึงถึงรูปแบบสังคมไทยที่หลายอย่างไม่เหมือนกับต่างประเทศ

จึงเป็นที่มาของการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญและเกิดกลไกใหม่ๆ ในกฎหมายลูก

ขอให้ทุกคนเข้าใจ

กรธ.ว่าไม่ได้จงใจทำสิ่งใดด้วยเหตุความรังเกียจพรรคการเมืองหรือนักการเมือง

แต่มุ่งมั่นจะทำให้การเมืองอยู่ในระบบที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง

และแก้ปัญหาในสังคมที่เคยมีและเป็นต้นเหตุของความไม่สงบสุขในสังคม

ของใหม่ย่อมเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนในสังคมและเป็นธรรมดาที่คนจะไม่เข้าใจ

แต่ถ้าทุกคนทำตามกติกาบทลงโทษที่มีก็คงไม่ได้ใช้เพราะใช้กับคนที่กระทำผิด

ประธาน กรธ.กล่าวว่า

นอกจากนี้ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยน

แปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วและบ่อยมากขึ้น

ซึ่งหากไม่มีการศึกษาให้รู้เท่าทันก็อาจกลายเป็นคนล้าหลังและเสียเปรียบในการแข่งขัน

ด้านพรรคการเมืองสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงคือการทำอย่างไรให้พรรค

การเมืองเป็นสถาบันที่ประชาชนมีส่วนรับรู้และมีส่วนร่วมมากที่สุด

กรธ.ไม่ได้คาดหวังจะต้องเปลี่ยนแปลงได้ทันที 360 องศา

แต่สามารถเปลี่ยนแปลงค่อยเป็นค่อยไป

เพราะในอดีตที่ผ่านมาสิ่งที่ประสบกับพรรคการเมืองคือความนิยมที่จะได้คะแนนเสียงเป็นสำคัญ

เนื่องจากระบบเดิมประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น

แต่ระบบใหม่ประชาชนมีสิทธิไม่เลือกใครเลย

เพราะผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วไม่ถูกเลือก

ก็จะลงสมัครเลือกตั้งซ่อมอีกไม่ได้

อ้างกรธ.ยังคงเดินตามโรดแม็ปเดิม

นายมีชัยกล่าวว่า

ส่วนองค์กรอิสระสิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือเรื่องประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงาน

ทั้งที่องค์กรหรือตัวบุคคลอาจมีความตั้งใจดีในการทำงาน

แต่ถ้ากลไกประสิทธิภาพและความรวดเร็วไม่เอื้ออำนวยก็จะทำให้บั่นทอนชื่อเสียงเกียรติคุณขององค์กร

การเปลี่ยนแปลงคราวนี้จึง

ต้องทำให้องค์กรอิสระทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น

และตัวองค์กรอิสระเองก็ต้องตระหนักและเตรียมปรับกลยุทธ์เพื่อให้การทำงานสอดรับกับกฎหมายลูกที่จะเกิดขึ้น

นายมีชัยกล่าวถึงเงื่อนไขระยะเวลาการกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยของประเทศ

โดยยอมรับว่าประเมินได้ยาก เพราะจะต้องคำนึงถึงความพร้อมของพรรคการเมือง

และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.

ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ยืนยันว่า

กรธ.ได้พิจารณายกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญโดยยึดโรดแม็ปของรัฐบาลเป็นสำคัญ

จึงเป็นที่มาของ กรธ.ในยกร่างกฎหมาย

กกต.และพรรคการเมืองก่อนเพื่อให้สามารถปรับตัว ให้สอดคล้องกับ กฎเกณฑ์ใหม่ๆ

ในกฎหมายลูก ซึ่งกำหนดระยะเวลาสำหรับการเตรียมความพร้อมของพรรคการเมืองไว้

180 วัน

หากพรรคการเมืองดำเนินการได้เสร็จสิ้นก่อนก็จะทำให้เกิดการเลือกตั้งที่เร็วขึ้น

ส่วนจะเกิดการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561 ได้หรือไม่นั้น

เห็นว่าไม่สามารถยืนยันแทนใครได้ แต่ย้ำว่า

กรธ.ยังคงเดินหน้าตามโรดแม็ปของรัฐบาลโดยมีกรอบระยะเวลาจัดทำกฎหมายลูกทั้ง

10 ฉบับให้เสร็จสิ้นภายใน 240 วัน หลังร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้

"ปึ้ง"ชี้3เรื่องระเบิดเวลารอบิ๊กตู่

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ปี 2560

นี้ที่น่าเป็นห่วงแทนรัฐบาลก็คือ 1.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่

สนช.ผ่านการพิจารณา

โดยไม่ได้ทำความเข้าใจกับผู้ใช้เครือข่ายโซเชี่ยลให้ชัดเจน ถูกต้อง

รีบร้อนจนเกินไป 2.การแก้ไขพ.ร.บ.พระสงฆ์ ผ่าน 3 วาระรวด

โดยไม่ถามความเห็นจากฝ่ายสงฆ์กันให้รอบคอบก่อน 3.การใช้ ม.44

ในเรื่องสัมปทานเหมืองทองคำ

ที่มีแนวโน้มว่าต่างชาติอาจจะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับนายกฯ เป็นหมื่นล้าน

ผ่านขบวนการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ทั้ง 3

เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ลึกๆ

แล้วก็รู้สึกเป็นห่วงแทนท่านนายกฯ ประยุทธ์เหลือเกิน

นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะขบวน การหยิบยกเรื่องต่างๆ

เข้าพิจารณาในชั้นสนช.หลายเรื่อง ดำเนินการโดยปราศจากความรอบคอบ

ละเอียดถี่ถ้วน เร่งรีบและรวบรัดจนเกินไป ไม่ได้พิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบ

ในที่สุดเกรงว่าก็จะส่งผลกระทบตามมาจนยากที่จะปฏิเสธ

หรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ ก็รู้สึกเป็นห่วงแทน สนช.เช่นกัน

วรชัยก็อัด"บิ๊กตู่"ไม่เชื่อมหาเถรฯ

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย

กล่าวถึงกรณีสนช.เร่งรัดผ่าน 3 วาระรวดนั้น ไม่ได้ถามผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

เช่น คณะสงฆ์หรือมหาเถรสมาคมเลย

เหมือนเป็นความประสงค์ของรัฐบาลและคสช.ที่ต้องการทำอย่างรวดเร็ว

พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

แต่มาจากการรัฐประหารจึงไม่แคร์องค์กรใด

จะปกครองคนหรือจะออกกฎหมายลักษณะเฉพาะเช่นนี้ก็ไม่ถามใคร

เท่ากับเป็นการสร้างความขัดแย้ง

"ที่ผ่านมามหาเถรสมาคมไม่มีปัญหา

ทั้งธรรมยุตและมหานิกายก็เป็นหนึ่งเดียว

ปัญหาคือรัฐบาลไม่นำเสนอชื่อพระสังฆราช คณะสงฆ์ไม่ได้ทำผิดอะไร แต่

พล.อ.ประยุทธ์ไปเชื่อพระที่นับถืออยู่รูปเดียว

แล้วก็อ้างคณะสงฆ์มีความขัดแย้ง หรือ

พล.อ.ประยุทธ์คิดว่ามีอำนาจคนเดียวจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ"

"จตุพร"ไข้ขึ้นสูง-หามส่งร.พ.

วันเดียวกัน นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับรายงานจาก ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

มีอาการไข้ 38 องศา ปวดท้อง อาเจียน หนาวสั่น ทั้งนี้

อยู่ระหว่างนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ส่วนสาเหตุจากการสอบแพทย์ประจำเรือนจำเบื้องต้น

ทราบว่าอาจจะเกิดจากอาหารเป็นพิษ

เพื่อความชัดเจนจึงต้องนำตัวส่งไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาล

นายอารี ไกรนรา คนสนิทนายจตุพร กล่าวว่า

ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ไปเข้าเยี่ยมนายจตุพร ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ขณะนั้นนายจตุพรมีสีหน้าอิดโรย อ่อนเพลียและมีไข้

และมาทราบเมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ว่า

นายจตุพรถูกนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยโรคอาหารเป็นพิษ

เบื้องต้นทางแพทย์แจ้งมาว่าอาการของนายจตุพรเริ่มดีขึ้นแล้ว

แต่ยังให้แอดมิตเพื่อรอดูอาการต่อไปอีกประมาณ 3-4 วัน

แพทย์ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม ยกเว้นทางครอบครัวของนายจตุพรเท่านั้น

รายงานเปิดเผยว่าจากการตรวจของแพทย์พบว่านายจตุพรทางเดินปัสสาวะอักเสบ

ไม่ใช่อาหารเป็นพิษแต่อย่างใด และได้รับการรักษาพยาบาลอย่างน่าเชื่อถือ

ทำให้อาการทุเลาอย่างรวดเร็ว ส่วนไข้ลดลงแล้ว

และยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ต่อไปอีกราว 4-5 วัน

?ปู?ขอบคุณข้าวเหนียวจากเขาวง

วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า

นอกจากการได้ส่งมอบความสุขด้วยข้าวหอมมะลิจากชาวนาแล้ว

ปีใหม่ปีนี้ตนยังได้รับของขวัญปีใหม่เป็นข้าวด้วยเช่นกัน

เพราะทุกคนมีจิตใจอันดีที่จะช่วยเหลือและส่งเสริมพี่น้องชาวนา

วันก่อนพี่น้องชาวนาจาก อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ได้นำ ?ข้าวเหนียวเขาวง?

มามอบให้ แถมทำรูปครั้งตนเดินทางไปเปิดงานผู้ไทติดถุงข้าวเหนียวมาให้ด้วย

น่ารักมาก จ.กาฬสินธุ์

เป็นอีกจังหวัดหนึ่งค่ะที่มีความโด่งดังเรื่องข้าวเหนียว

ซึ่งปลูกมากในเขตพื้นที่เขาวง ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวผู้ไท

ได้รับการบอกเล่าจากพี่น้องชาวเขาวงว่าข้าวเหนียวเขาวงจะมีลักษณะพิเศษคือหอมนุ่ม

ไม่ติดมือ จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค

ที่สำคัญได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือจีไอแล้ว

เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในสินค้าว่าได้ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน

มีคุณภาพดี

?ดิฉันได้ลองให้ที่บ้านนึ่งข้าวเหนียวเขาวงที่ได้รับมาปรากฏว่าเป็นอย่างคำที่ร่ำลือจริงๆ

คือข้าวมีกลิ่นหอมและนุ่มมาก

ใครสนใจจะซื้อเป็นของฝากปีใหม่หรือซื้อไว้รับประทานเองรับรองไม่ผิดหวัง

ขอขอบคุณพี่น้องชาวนาจากอำเภอเขาวงอีกครั้งค่ะ? น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

คลอดแล้วแผนพัฒนาฯ ฉบับ 12

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่

ประกาศเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564)

ความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ

ให้ประกาศว่าโดยที่ครม.พิจารณาเห็นสมควรให้ประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่

12 ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ

เพื่อใช้เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ดังมีสาระสําคัญตามที่แนบท้ายนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

ให้ใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2559 จนถึงวันที่

30 ก.ย. 2564

ประกาศมีความยาวกว่า 215 หน้า ส่วนคำนำระบุว่า แผนพัฒนาฯ

ดังกล่าวได้น้อมนำหลัก ?ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง?

มาเป็นปรัชญานำทางพัฒนาประเทศต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9-11

เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้สังคมไทยสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง

บริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมส่งผลให้การพัฒนาประเทศสู่ความสมดุลและยั่งยืนโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

(สศช.) ได้จัดทำบนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)

ซึ่งเป็นแผนแม่บทหลักของการพัฒนาประเทศ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

รวมทั้งการปรับโครงสร้างประเทศไทยไปสู่ประเทศไทย 4.0

ตลอดจนประเด็นการปฏิรูปประเทศ

การพัฒนาประเทศในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12

เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเชื่อมต่อกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ในลักษณะการแปลงยุทธศาสตร์ระยะยาวสู่การปฏิบัติ

โดยแต่ละยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาฯ ได้กำหนดประเด็นการพัฒนา

พร้อมทั้งแผนงาน/โครงการสำคัญที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในช่วง 5

ปีแรก เพื่อเตรียมความพร้อมด้านคน สังคม

และระบบเศรษฐกิจของประเทศรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม



บทความแนะนำ


ภาพยนตร์ข่าวกีฬาพอลรัดด์ข่าวฟุตบอลกันต์ชนุตม์กันต์Ant-Manทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก