เผยทั้งน้ำตา!! เผยทั้งน้ำตา!! "แม่" กันต์ นักศึกษาแพทย์ รถตู้มรณะ เล่าเหตุการณ์ก่อนขึ้นรถ น้ำตาไหลไปตามๆกัน

จากกรณีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารพุ่งชนประสานงากับรถปิกอัพ เกิดเพลิงลุกไหม้ บนถนนสายบ้านบึง?แกลง (ฝั่งขาเข้า อ.แกลง) หมู่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 25 ราย บาดเจ็บอีก 2 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ นายพรหมพต กอศิริวลานนท์ หรือ น้องกันต์ นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 3 ม.ค. น.ส. ปาเจรา กอศิริวลานนท์ อายุ 23 ปี พี่สาวของน้องกันต์เปิดเผยวา ตนทราบข่าวมาจากเพจจันทบุรีลงข่าวว่า รถตู้จากจันทบุรีไปกรุงเทพฯ ประสบอุบัติเหตุตายเกือบทั้งคัน ตนก็ตกใจเนื่องจากน้องชายตนเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่จันทบุรีและเดินทางกลับไปอ่านหนังสือเตรียมสอบที่กรุงเทพฯ พอทราบว่ารถตู้ที่เกิดเหตุเป็นคิวรถตู้เดียวกันและรอบเดียวกันกับที่น้องชายตนเดินทางกลับ ตนและครอบครัวก็รีบเดินทางมาเลย ระหว่างทางได้เช็คข่าวเรื่อยไป ว่ามีผู้โดยสารเป็นผู้ชายรอดชีวิต1คน ซึ่งทั้งคันเป็นผู้ชาย รวมคนขับด้วยเป็น 4 คน ตนก็หวังว่าจะเป็นน้องชาย เลยรีบเดินทางมาที่ อ.บ้านบึง ทั้งนี้น้องชายเดินทางไป-กลับ โดยการใช้รถตู้เป็นประจำอยู่แล้ว

"ตอนทราบข่าวก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง ไม่น่าเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา อยากให้ทางผู้ประกอบการเข้มงวดมากกว่านี้ อยากให้กฎหมายแข็งแรงมากกว่านี้ รู้สึกว่าพอเกิดเรื่องก็เป็นข่าวใหญ่ครั้งหนึ่ง อย่างช่วงเทศกาลก็ทราบว่ารถตู้ต้องทำเวลา และอาจจะเพลีย เหนื่อย ไม่อยากให้วัวหายล้อมคอก เราไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เมื่อก่อนที่เกิดข่าวแบบนี้เราก็รู้สึกกลัว เพราะเราก็เป็นคนใช้บริการรถตู้ สลดใจกับข่าวก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับเรา เพราะน้องเป็นเด็กดี เป็นคนดีมากๆ คนหนึ่ง และไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนดีๆ เราเป็นพี่น้องกันสองคน ก่อนหน้านี้น้องตั้งใจอยากเรียนด้านนิเทศศาสตร์ แต่ด้วยความสามารถน้องพอจะเรียนหมอได้ และอยากทำให้ครอบครัว เพื่อความมั่นคง เป็นความหวังให้กับครอบครัว" พี่สาวน้องกันต์ กล่าว

ด้านนางสาวศศินันท์ กอศิริวลานนท์ แม่ของน้องกันต์ เผยด้วยเสียงสะอื้นร่ำไห้ว่า ปกติเวลาลูกชายกลับบ้านมาเยี่ยมครอบครัว และจะเดินทางกลับกรุงเทพฯนั้น ก็จะเดินทางไปส่งลูกชายที่คิวรถตู้ทุกครั้ง ตนมักจะบอกลูกชายว่าอย่าเพิ่งกลับได้ไหม แต่ครั้งนี้ลูกจำเป็นต้องกลับไปอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ ก่อนจะลากันก็มักจะกอด หอมลูก และโบกมือลาให้กับลูกทุกครั้ง

ทั้งนี้ หลังจากตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลเรียบร้อยแล้ว อาจจะจัดพิธีบำเพ็ญกุศลรดน้ำศพที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก่อน เนื่องจากอาจารย์และเพื่อนๆ ในคณะ อยากทำพิธีให้น้องกันต์ และนำศพกลับ จ.จันทบุรี เพื่อพิธีตามศาสนาที่วัดป่าคลองกุ้งต่อไป.