ระวัง! เวลาสั้นๆแค่ 20 นาที ทำให้เด็กชายวัย 8 ปี ตาบอด เพราะ "สารกันชื้น" ชนิดนี้ใน ถุงขนม

อ่าน 14,180

กรณีศึกษา: คำบอกเล่าจากปากของคุณแม่คนหนึ่งแม่ของน้องเค : น้องเคลูกชายของฉันปีนี้อายุ 8 ขวบ แกอยู่ป.2 เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่เพิ่งสอบกลางภาคเสร็จแล้วกลับบ้าน

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)???น้องเคดีใจมากที่สอบเสร็จแล้ว บอกว่าครั้งนี้ทำข้อสอบได้เยอะมาก ฉันดีใจที่ลูกตั้งใจเรียน ก็เลยให้รางวัลด้วยการพาไปซื้อขนมที่น้องชอบระหว่างทางกลับบ้าน น้องเคก็ดีใจใหญ่พอกลับถึงบ้าน น้องเคก็นั่งบนโซฟากินขนมไปดูการ์ตูนไปอย่างสบายใจ ส่วนฉันก็เข้าไปยุ่งทำอาหารเย็นอยู่ในครัว หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที ฉันก็ได้ยินเสียงลูกร้องลั่นมาจากในห้องรับแขก ฉันรีบออกมาดู ภาพที่ฉันเห็นทำให้ฉันต้องตะลึงน้องเคเอามือกุมไว้ที่ดวงตา แล้วก็ร้องไห้ลั่นพร้อมล้มลงไปกลิ้งบนพื้น ขวดแตกกระจายและน้ำนองเต็มพื้น?ฉันยังไม่ทันได้คิดว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบอุ้มลูกขึ้นรถไปโรงพยาบาล ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่สิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงก็คือ ในเวลาสั้นๆเพียงแค่ 20 นาที น้องเคจะสูญเสียดวงตาข้างขวาไปตลอดชีวิต

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)

หลังคุณหมอตรวจดู ก็บอกว่า ตาขวาของน้องเคโดนอัลคาไลน์กัด ทำให้ลูกตาข้างขวาละลาย เป็นเหตุให้ตาบอดไปตลอดชีวิต ไม่ว่าการผ่าตัดแบบไหนก็ไม่สามารถรักษาได้!ผลการวินิจฉัยของแพทย์เหมือนฟ้าผ่าลงกลางศีรษะฉัน เมื่อเห็นอาการที่แย่ของลูก ฉันก็ยืนไม่อยู่ไปชั่วขณะ แม้แต่เรี่ยวแรงจะร้องไห้ก็ยังไม่มี

เมื่อคุณหมอถามว่าลูกชายได้รับอันตรายได้ยังไง ลูกก็บอกว่า ตอนนั้นหลังจากเขากินขนมหมดก็เห็นว่ามีซองเล็กๆใส่อยู่ในกล่อง ไม่รู้ว่ามันใส่อะไรเอาไว้ข้างในก็เลยเอาออกมาเล่น ตอนแรกก็เอามาดม ต่อมาก็เอาไปใส่ในแก้วน้ำ คาดไม่ถึงว่าพอใส่ลงไปปุ๊บมันจะระเบิดปั๊บ ตอนนั้นเองที่น้องเครู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระเด็นเข้าตา มันไหม้จนเขารู้สึกเจ็บปวด หลังจากนั้นก็มองไม่เห็นตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่า ที่ลูกบอกว่าถุงเล็กๆ มันก็คือสารดูดความชื้น

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)การเป็นแม่คน ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิต เมื่อก่อนฉันรู้ว่าสารดูดความชื้นกินไม่ได้ แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันอันตรายและก่อให้เกิดผลที่ตามมาร้ายแรงขนาดนี้

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)??มาเข้าใจสารพวกนี้กัน จะได้ไม่เกิดโศกนาฏกรรมอย่างนี้อีกสารดูดความชื้นมีชนิดไหนบ้าง?สารดูดความชื้นเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ประโยชน์ของมันก็คือดูดความชื้น มันมีมากมายหลายชนิด ที่เห็นบ่อยๆได้แก่ สารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว, สารดูดความชื้นที่ทำจากแคลเซียมคลอไรด์, สารดูดความชื้นประเภทดินธรรมชาติ, และซิลิก้าเจลซิลิก้าเจลดูดความชื้นสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ประสิทธิภาพด้อยกว่าสารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว ผลิตภัณฑ์ยาทั้งหลายนิยมใช้ซิลิก้าเจล มันปลอดภัยกว่า ปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์อาหารหลายๆชนิดก็ใช้ซิลิก้าเจลดูดความชื้น เพราะมันไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆเมื่อโดนน้ำ แถมยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

????(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)

สารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว ถือว่าเป็นตัวที่ต้นทุนต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับอีกสามชนิด แต่มีประสิทธิภาพในการดูดความชื้นสูงมาก ในอดีตนิยมใช้ แต่ปัจจุบันนี้ถูกใส่ในบรรจุภัณฑ์อาหารน้อยลงมาก

???(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)สารดูดความชื้นประเภทดินธรรมชาติ นิยมใส่ไว้ในกระเป๋า หรือกล่องใส่เสื้อผ้า??

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)??สารดูดความชื้นที่กล่าวมา มีสองประเภทที่เราทุกคนพบบ่อยๆในชีวิตประจำวันคือสารดูดความชื้นปูนขาวและซิลิก้าเจลสารดูดความชื้นจะระเบิดเมื่อโดนน้ำ?จริงๆแล้วสารดูดความชื้นต่างชนิดกัน ก็จะมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน ไม่ใช่สารดูดความชื้นทุกชนิดโดนน้ำแล้วจะระเบิด ยกตัวอย่างเช่น สารดูดความชื้นประเภทดินธรรมชาติและซิลิก้าเจล หลังโดนน้ำจะเกิดปฏิกิริยาเคมีทำให้น้ำขุ่น หรือตัวมันเองจะบวมขยายแต่จะไม่เกิดการระเบิดที่อันตรายกว่าคือสารดูดความชื้นที่ทำจากปูนขาว ส่วนประกอบสำคัญของมันคือแคลเซียมออกไซด์ ซึ่งสารตัวนี้เมื่อโดนน้ำจะเกิดปฏิกิริยาเคมีอย่างรุนแรง เกิดความร้อนสูง ถ้าใส่เป็นจำนวนน้อย อาจจะทำให้ขวดพลาสติกร้อนหรือเปลี่ยนรูปร่าง แต่ถ้าใส่เป็นจำนวนมากในระดับหนึ่ง เมื่อขวดพลาสติกบวกกับภาวะที่ปิดฝามิดชิด อาจเกิดการระเบิดได้ จนเป็นเหตุให้คนได้รับบาดเจ็บ

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)ต้องเข้าใจก่อนว่าเนื่องจากสารดูดความชื้นแบบปูนขาวมีประสิทธิภาพในการดูดความชื้นดีเยี่ยม แถมราคาถูก ดังนั้นผลิตภัณฑ์อาหาร, ยา,ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์, เสื้อผ้า, สิ่งทอ, ชา, เครื่องหนัง, กระเป๋า, รองเท้า, อุปกรณ์, เครื่องมือ, และผลิตภัณฑ์ต่างๆจึงนิยมใช้ประโยชน์จากสารดูดความชื้นชนิดนี้ในชีวิตประจำวัน วิธีการง่ายๆที่จะจัดการกับสารดูดความชื้นพวกนี้ คืออย่าให้เด็กๆเอาไปเล่นหรือกินเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกซองที่ไม่มีรายละเอียดเขียนติดไว้ หรือสารดูดความชื้นประเภทปูนขาว

ถ้าร่างกายสัมผัสโดนสารดูดความชื้นแล้วเกิดอาการบาดเจ็บจะทำอย่างไร?1. หลังจากผิวหนังสัมผัสโดน ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดจำนวนมากๆ (อย่างน้อย 15 นาที) หลังจากดูแลอย่างง่ายๆแล้วก็รีบไปโรงพยาบาล2. ถ้าดวงตาสัมผัสโดน เนื่องจากเมื่อผงหินปูนเข้าสู่ดวงตาก็จะเกิดปฏิกิริยาเคมีทันที เพราะงั้นก็ต้องใช้น้ำสะอาดปริมาณมากๆล้างดวงตาเช่นเดียวกัน (อย่างต่ำครึ่งชั่วโมง) ขณะล้างดวงตาต้องพยายามกรอกตาด้วย ห้ามรอไปจัดการที่โรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาการจะยิ่งหนัก!รอจนดวงตาไม่กลับมาเจ็บแสบมากอีก ก็ให้รีบไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที เนื่องจากเป็นกรณีฉุกเฉินไม่ต้องไปรอรับบัตรคิว ให้บอกสถานการณ์กับคุณหมอให้ละเอียดจะได้จัดการได้ทันท่วงที3. ถ้ารับประทานเข้าไป จะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร แต่อย่างเพิ่งตระหนกไปให้รีบดื่มน้ำเข้าช่องปากทันที (อัตราส่วน 10 มล./ น้ำหนักตัว 1 กก. แต่ไม่เกิน 200 มล.) เพื่อทำให้ด่างเจือจาง หลังจากนั้นตามด้วยนม ไข่ดิบ น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืชมาช่วยหล่อลื่นทางเดินอาหาร ปกป้อง ไม่ให้แผลลึกมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ผู้ปกครองต้องสังเกตให้ดีนะคะ



บทความแนะนำ


SportMidSaleYearWorldดรีมเวิลด์dreamworldparkปากกากรอบรูปหมวกโปรโมชั่นทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก