อึ้ง!?"ผกก.อุ้มฆ่าทอม"สุดแสบ นักเลงเรียกเฮีย-มาเฟียเรียกพี่

MGR Online - เชื่อแก๊ง "อุ้มทอม" ยังเปิดปากไม่หมด พัวพัน-ฟอกเงิน-ข้องใจเงิน 4 ล้าน ผกก.ทุ่มให้หรือขบวนการฟอกเงิน แฉทีมฆ่ามีประวัติแฟ้มอาชญากรเพียบ ทั้งค้าอาวุธสงคราม เบื้องหลังเงินกู้ดอกโหด ยันเปิดบ่อน แถมวนเวียนตามหากินกับ พ.ต.อ.ในทุกพื้นที่ของ ภาค 7 คดีนายตำรวจหึงโหดสั่งสมุนอุ้มฆ่าสาวทอมถือเป็นข่าวอาชญากรรมชิ้นแรกของปีที่ครบเครื่องชวนติดตามเป็นอย่างยิ่ง วันมรณะอุบัติขึ้นช่วงเวลา 3 ทุ่มเศษของคืนวันที่ 13 ธ.ค.2559 ขณะที่ น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง อายุ 28 ปีหรือ "น้องหญิง" อาชีพเด็กเสิร์ฟสวนอาหารอีสานหมู่เฮา ย่านพุทธมณฑลสาย 4 เป็นหญิงแต่เพียงเพศหากจิตใจและความรู้สึกเธอกลับเป็นชายซึ่งต้องยอมรับว่ามีบุคคลิกท่าทางน่าสนใจโดยเฉพาะสาวๆที่ชอบความแปลกใหม่ท้าทายมักจะเข้ามาในชีวิต "น้องหญิง" ในลักษณะเพื่อนสนิทอย่างมากหน้าหลายตาอันเป็นชนวนเหตุแห่งความตายที่เธอเองคงไม่รู้ตัว... ภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดเห็น น.ส.สุภัคสรณ์ เดินออกจากเค.อาร์ แมนชั่น ตั้งอยู่ซอยเพชรเกษม 116 พื้นที่ สน.หนองค้างพลู อย่างมิได้ระแวดระวังภัยก่อนตรงเข้าขับ จยย.เพื่อไปทำงานซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไม่มากนัก ภาพต่อมาแม้จะอยู่ในมุมมืดแต่สามารถมองเห็นว่ามีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาปาดหน้าในลักษณะกึ่งชน จากนั้นจึงมีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงมาฉุดลากลักพาตัวไป แน่นอนว่าการหายตัวไปของ "น้องหญิง" ผู้ที่เห็นความผิดปกติเป็นคนแรกก็คือนายบุญชู พลไธสง อายุ 49 ปี บิดา อาชีพ ผจก.สวนอาหารอีสานหมู่เฮา และนางสมพิศ ตรัยจันทร์แดง อายุ 46 ปี ผู้เป็นมารดาเนื่องจากปกติแล้ว น.ส.สุภัคสรณ์ จะเป็นคนที่โทรศัพท์ติดต่อกับทางบ้านสม่ำเสมออีกทั้งจู่ๆ เกิดหายตัวไปจากร้านหลายวันนายบุญชู จึงโทรศัพท์ไปสอบถามยังน.ส.กรรณิกา กรุมรัมย์ อายุ 38 ปีหรือน้องดาวนักร้องสวนอาหารอีสานม่วนชื่น ย่านถนนพุทธมณฑล เช่นกันซึ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกสาวของตน แทนที่จะได้รับความกระจ่างคำพูดของ น.ส.กรรณิกา กลับทำให้ครอบครัว "พลไธสง" รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล และเภทภัยที่จะเกิดกับลูกสาวมากขึ้นเพราะสิ่งที่ น.ส.กรรณิกา บอกก็คือ "ผู้กำกับ" สั่งให้ลูกน้องเอาตัว "น้องหญิง" ไปสั่งสอน เพียงเท่านี้เกินพอสำหรับการรีบออกจากบ้านเพื่อไปตามหาลูกสาวซึ่งมีแต่ความว่างเปล่า นายบุญชู มั่นใจว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลกับ น.ส.สุภัคสรณ์ แน่ๆ เพราะตลอดเวลาที่ลูกสาวคบหากับน.ส.กรรณิกา นั้นมักมีเรื่องระหองระแหนกันตลอดเวลาซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับความหึงหวงเนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า "น้องดาว" มีนายตำรวจใหญ่เลี้ยงดูในฐานะภรรยาน้อยส่วนลูกสาวทอมของตัวเองก็มีเพื่อนสาวมาติดพันหลายคนและ 1 ในนั้นคือ น.ส.กรรณิกา ที่เคยเข้ามาเที่ยวร้านอีสานหมู่เฮา แล้วเกิดชอบพอกับสาวทอม... ในที่สุดนายบุญชู ตัดสินใจนำความเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.และเป็นที่มาของการระดมเจ้าหน้าที่ออกหาข่าวติดตามหาตัว "น้องหญิง" สาวทอมเสน่ห์แรง

จนทราบแน่ชัดว่า "หัวขบวน" หรือคนใช้จ้างวานก็คือ พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่วนทีมฆ่าประกอบด้วยทหาร-ตำรวจ-พลเรือน ครบแก๊งคือนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง อายุ 32 ปี นายภูมิทัศน์ พิบูรณ์สวัสดิ์ หรืออุ๋ม อายุ 24 ปี นายชัยยุทธ เบ็ญชาติ หรือจบ อายุ 41 ปีอดีตนายทหารประจำ พล.ร.9 นายภาณุเมศวร์ มีลา หรือจิ๋ว อายุ 34 ปี อดีตทหารชั้นประทวนสังกัดกองพันทหารช่างนายสามารถ แสงสิน อายุ 50 ปีอดีตตำรวจ สภ.กาญจนบุรี มีประวัติค้าอาวุธสงครามและเป็นผู้มีอิทธิพล รวมทั้ง น.ส.กรรณิกา กรุมรัมย์ นักร้องสาวใหญ่ซึ่งต่อมาพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีในฐานะคนชี้เป้า

การสืบสวน ติดตามกลุ่มคนร้ายเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว จากคำรับสารภาพของผู้ต้องหาบางคนทำให้พบศพ "น้องหญิง" ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญโดยถูกฟังอยู่หลังรีสอร์ทสิตาฌาณา ริมแม่น้ำแคว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งปิดร้าง สภาพศพเปลือยเปล่าถูกฝังในลักษณะนอนคว่ำหน้าแม้ผลจากนิติเวชฯจะยืนยันว่าสาเหตุการตายมาจากขาดอากาศก็ตามแต่ด้วยสภาพศพที่เริ่มเน่าเปื่อยร่องรอยต่างๆจึงไม่อาจระบุได้ว่ามีการทำทารุณกรรมใดๆก่อน "น้องหญิง" จะขาดใจตายหรือไม่ แต่ตามรูปการแล้วการ "อุ้ม" หรือลักพาตัวเหยื่อนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าวิธีนี้กลุ่มคนร้ายมีจุดมุ่งหมายเพื่อรีดเอาความลับอย่างใดอย่างหนึ่ง และเมื่อต้องการให้เป้าหมายยอมเปิดปากวิธีทารุณมีแบบไหนที่มีทั้งในตำราหรือนอกตำราก็คงขนมาใช้กันหมด ประเด็นการทารุณก่อนเหยื่อสิ้นใจตายจะต้องมีอย่างแน่นอน ส่วนจะโหดเหี้ยม อำมหิตขนาดไหนผลทางนิติเวชฯจะเป็นตัวชี้ รวมทั้งการเค้นสอบจากปากกลุ่มผู้ต้องหา ขณะที่ประเด็นการฆ่าหลายสำนักสื่อพุ่งไปยังเรื่องชู้สาว คาวโลกีย์ เป็นเรื่อง "รักมรณะ" แต่จาการสืบค้นของทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ยังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจกว่านั่นคือเงินจำนวน 4 ล้านบาทที่อ้างว่าสาวทอม สูบไปจากนักร้องสาวใหญ่ชู้รักของนายตำรวจเป็นเพียงเงินเก็บที่ พ.ต.อ.อำนวย ส่งเสียเดือนละ 1-2 แสนบาทตลอด 3 ปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่... หรือเป็นเงินจากกิจกรรมใดซึ่งในประเด็นนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะลงลึกถึงกระแสเงินเข้า-ออกของ น.ส.กรรณิกา ว่ามีการหมุนเวียนอย่างไร-ใครเป็นคนโอนเงิน และใครเป็นคนเบิก ทั้งนี้มีข้อมูลน่าสนใจว่า กลุ่มคนร้ายทั้งหมดนั้นแท้จริงแล้วเป็นขบวนการอิทธิพลในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 7 อยู่เบื้องหลังธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆเช่นเงินกู้ เปิดบ่อน ตลอดจนรับจ้างอุ้มทวงหนี้ แหล่งข่าวแจ้งว่าผู้ต้องหาทุกคนล้วนมีประวัติอาชญากรที่น่าสนใจทั้งสิ้น รวมทั้งพ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ มีข้อมูลทางลับว่ามีลูกน้องและเครือข่าย "นอกกฎหมาย" อยู่ในระดับเจ้าพ่อภาค 7 คนหนึ่ง สังเกตจากเส้นทางรับราชการส่วนใหญ่วนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี และบรรดาลูกสมุนจะวนเวียนติดตามทำมาหากินกับลูกพี่โดยตลอด ดังนั้นประเด็นการตายที่มุ่งเน้นไปทางชู้สาว และมีเงินจำนวน 4 ล้านบาท เป็นชนวนเหตุแถมท้าย ในทางกลับกัน หากต้องการจะขุดรากถอนโคน หรือค้นหาความจริงอย่างสุดซอย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. อย่าเพิ่งให้คดีจบเพียงแค่นี้

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. และพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภ.7 ..."บิ๊กแป๊ะ" ในฐานะผู้รับผิดชอบหน่วยทั้งเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ "บิ๊กบัว" เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง ควรให้ความสำคัญ-ไขข้อข้องใจทั้งหมดหรือไม่ เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าแท้จริงแล้ว "น้องดาว" นักร้องลูกทุ่งหมอรำริมถนน อาจเป็นเพียงเหยื่ออีกคนที่ขบวนการ "ฟอกเงิน"หมายตาไว้ ส่วนพฤติการณ์ด้านชู้สาวให้เป็นอีกเรื่องหนึ่งแม้เจ้าตัวจะยอมรับสารภาพในชั้นสอบสวนไปแล้วก็ตาม แต่อย่าลืมว่าการลงทุนลักพาตัว และซ้อมเพื่อรีดความลับกระทั่งฆ่าปิดปากเหยื่อไปนั้นยังมีแง่มุม เงื่อนปมต่างๆที่รอการพิสูจน์อยู่ สำคัญที่สุด พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ ผู้ต้องหาใช้จ้างวานฆ่ารายนี้มิได้เป็นนายตำรวจ "หน้าซื่อ" อย่างภาพลักษณ์ที่เห็นอีกต่อไป เพราะ "ด้านมืด" ในฐานะ "หัวหน้า" ขบวนการนอกกฎหมายหากมีการเปิดโปงขึ้นแน่นอนว่าหน่วยงานที่หนีไม่พ้นต้องถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก็คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่คดีนี้จะปิดฉากลงที่ตามจับตัวผู้ต้องหาให้ครบ และเดินหน้าในประเด็นที่วางกันไว้โดยไม่คิด "แตะ" ความอัปยศอันเกิดจากนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.เป็นผู้กระทำขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าคือความล้มเหลวของโครงสร้างตำรวจไทย....จะสาวไส้-ตอกย้ำให้เจ็บตัวไปทำไม!!