จริงแท้ ! 8 เหตุผล ที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่น มีระบบการศึกษาที่น่าเรียนที่สุดในเอเชีย

อ่าน 1,270

ประเทศญี่ปุ่น

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของประเทศที่หลังจากเกิดวิกฤตหลังสงครามโลกมาแล้วนั้น

พวกเขาได้พัฒนาประเทศชาติมาโดยตลอด จนกลายเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก

ซึ่งนอกเหนือจากสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีสุดล้ำแล้ว

ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ประชากรมีระเบียบกันมากที่สุด และสิ่งสำคัญที่เป็นตัวปลูกฝังให้กับคนในประเทศได้ดีก็คือ "ระบบการศึกษา"

ที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นถูกยกย่องว่าเป็นประเทศที่น่าเรียนมากที่สุดในเอเชียอีกหนึ่งแห่ง

ว่าจะมีเหตุผลอะไรบ้างนั้น ที่ทำให้ญี่ปุ่นก้าวกระโดดไกลได้มากถึงเพียงนี้

ตามมาไขความลับกันได้เลย

ทำไมญี่ปุ่นถึงเป็นประเทศที่น่าเรียนที่สุด

1. คุณลักษณะที่ดีต้องมาก่อนความรู้

ระบบการศึกษาในญี่ปุ่นจะไม่มีการจัดสอบใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะถึงชั้นเกรด

4 (อายุประมาณ 10 ปี) เพราะเขาเชื่อว่า ช่วง 3 ปีแรก

ยังไม่ควรมอบความรู้อันหนักอึ้งให้แก่เด็กๆ

แต่เน้นไปที่การสอนให้เด็กรู้จักเคารพผู้อื่น

มีความเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

การรู้จักรับผิดชอบตัวเองด้วยเรื่องเล็กๆ

และยังสอนให้รู้จักกับความยุติธรรมอีกด้วย

2. โรงเรียนในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีภารโรงหรือผู้ดูแล

เพราะนักเรียนทุกคนจะต้องช่วยกันทำความสะอาด ห้องเรียน โรงอาหาร

หรือแม้แต่ห้องน้ำ โดยการสลับกันแบ่งกลุ่มออกไปทำ

ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าจะสามารถช่วยสอนให้นักเรียนรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น

และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

เรียกได้ว่าได้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบกันตั้งแต่เล็กเลยทีเดียว

3. นักเรียนทุกคนจะได้รับประทานอาหารมื้อเที่ยง พร้อมกันในห้องเรียน

นอกจากรัฐบาลจะเล็งเห็นความสำคัญด้านสุขภาพ

ด้วยการจัดแจงอาหารมื้อเที่ยงให้ครบ 5 หมู่สำหรับเด็กๆ แล้ว

นักเรียนทุกคนจะได้รับประทานร่วมกันในห้องเรียน

พร้อมทั้งคุณครูประจำชั้นด้วย และนี่คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้

นักเรียนและคุณครู มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

4. โรงเรียนญี่ปุ่น มีกฏให้นักเรียนเดินทางไปโรงเรียนด้วยตนเอง

โรงเรียนหลายๆ แห่งบังคับให้นักเรียนต้องเดินทางไปเรียนด้วยตนเอง

ไม่ว่าจะมีฐานะใดก็ตาม ส่วนประโยชน์ที่ได้ก็มีมากมาย ทั้งลดปัญหาการจราจร

สอนให้เด็กรับผิดชอบตนเอง แบ่งเบาภาระหน้าที่ผู้ปกครอง

แถมยังส่งเสริมให้เด็กๆ ในละแวกเดียวกันได้รู้จักมักจี่กันอีกด้วย

5. มีการสอนให้เขียนบทกวี และการเขียนอักษรโบราณด้วยพู่กัน

เปรียบเหมือนดั่งการเรียนวิชาศิลปะในอีกแขนงหนึ่ง ที่นี่เด็กๆ

จะได้เรียนการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันลงบนกระดาษสา สำหรับการสอนบทกวี

ก็จะเน้นไปที่การให้นักเรียน

แต่งบทกวีเพื่ออธิบายความรู้สึกหรือสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจของตนออกมา

ซึ่งทั้งสองวิชาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้วัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นยังคงสืบทอดต่อไป

และได้เรียนรู้ที่จะเคารพในความคิดที่แตกต่างของคนอื่นอีกด้วย

6.ปีการศึกษาใหม่จะเริ่มต้นที่ 1 เมษายน เป็นประจำทุกปี

ขณะที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในโลก

เริ่มต้นปีการศึกษาในเดือนกันยายนหรือตุลาคม

แต่ในญี่ปุ่นมักเริ่มต้นการศึกษาในเดือนเมษายน

วันแรกของโรงเรียนมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุด

นั่นก็คือ ?การเบ่งบานของดอกเชอร์รี่? โดยปีการศึกษาแบ่งออกเป็น 3

ภาคการศึกษาด้วยกัน ได้แก่

  • ภาคเรียนที่ 1 จะเริ่มวันที่ 1 เมษายน ? 20 กรกฎาคม
  • ภาคเรียนที่ 2 จะเริ่มวันที่ 1 กันยายน ? 26 ธันวาคม
  • ภาคเรียนที่ 3 จะเริ่มวันที่ 7 มกราคม ? 25 มีนาคม

นักเรียนญี่ปุ่นจะได้รับวันหยุดในช่วงฤดูร้อน 6 สัปดาห์ และยังมีการแบ่งสัปดาห์ในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย

7. หลังเลิกเรียนจะมีการ workshops ทุกครั้งก่อนกลับบ้าน

ในช่วงเย็นกลุ่มเด็กเล็กๆ นักเรียนญี่ปุ่นจะมีการเรียนพิเศษ หรือ

workshops เพิ่มเติม

ไม่น่าแปลกใจว่านักเรียนในประเทศนี้แทบจะไม่เคยซ้ำชั้นในระดับประถมศึกษา

และมัธยมศึกษาตอนต้นหรือโรงเรียนมัธยมกันเลย

โดยเกือบทุกโรงเรียนมัธยมต้องการให้นักเรียนของพวกเขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียน

ในขณะที่บางโรงเรียนมีเครื่องแต่งกายของตัวเองแบบดั้งเดิม

8. อัตราการเข้าเรียน 99.99%

ทุกคนอาจจะเคยเหลวไหลสักครั้งในชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นไปโรงเรียนสายหรือโดดเรียน

แต่สำหรับนักเรียนญี่ปุ่นจะไม่การโดดเรียน ไม่มาโรงเรียนสาย

และก็จะไม่การเรียนซ้ำชั้นโดยเด็ดขาด

?????????????-

ข้อมูล :brightside



บทความแนะนำ


เหน็บแนมบอกรักโรแมนติกขุมทรัพย์ไอเท็มแฟชั่นวัยรุ่นไทยรับน้องเราเห็นด้วยกับการรับน้องทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก