จริงแท้ ! 8 เหตุผล ที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่น มีระบบการศึกษาที่น่าเรียนที่สุดในเอเชีย
ประเทศญี่ปุ่น
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของประเทศที่หลังจากเกิดวิกฤตหลังสงครามโลกมาแล้วนั้น
พวกเขาได้พัฒนาประเทศชาติมาโดยตลอด จนกลายเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก
ซึ่งนอกเหนือจากสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีสุดล้ำแล้ว
ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ประชากรมีระเบียบกันมากที่สุด และสิ่งสำคัญที่เป็นตัวปลูกฝังให้กับคนในประเทศได้ดีก็คือ "ระบบการศึกษา"
ที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นถูกยกย่องว่าเป็นประเทศที่น่าเรียนมากที่สุดในเอเชียอีกหนึ่งแห่ง
ว่าจะมีเหตุผลอะไรบ้างนั้น ที่ทำให้ญี่ปุ่นก้าวกระโดดไกลได้มากถึงเพียงนี้
ตามมาไขความลับกันได้เลย
ทำไมญี่ปุ่นถึงเป็นประเทศที่น่าเรียนที่สุด
1. คุณลักษณะที่ดีต้องมาก่อนความรู้
ระบบการศึกษาในญี่ปุ่นจะไม่มีการจัดสอบใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะถึงชั้นเกรด
4 (อายุประมาณ 10 ปี) เพราะเขาเชื่อว่า ช่วง 3 ปีแรก
ยังไม่ควรมอบความรู้อันหนักอึ้งให้แก่เด็กๆ
แต่เน้นไปที่การสอนให้เด็กรู้จักเคารพผู้อื่น
มีความเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม
การรู้จักรับผิดชอบตัวเองด้วยเรื่องเล็กๆ
และยังสอนให้รู้จักกับความยุติธรรมอีกด้วย2. โรงเรียนในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีภารโรงหรือผู้ดูแล
เพราะนักเรียนทุกคนจะต้องช่วยกันทำความสะอาด ห้องเรียน โรงอาหาร
หรือแม้แต่ห้องน้ำ โดยการสลับกันแบ่งกลุ่มออกไปทำ
ด้วยแนวคิดที่เชื่อว่าจะสามารถช่วยสอนให้นักเรียนรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น
และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เรียกได้ว่าได้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบกันตั้งแต่เล็กเลยทีเดียว3. นักเรียนทุกคนจะได้รับประทานอาหารมื้อเที่ยง พร้อมกันในห้องเรียน
นอกจากรัฐบาลจะเล็งเห็นความสำคัญด้านสุขภาพ
ด้วยการจัดแจงอาหารมื้อเที่ยงให้ครบ 5 หมู่สำหรับเด็กๆ แล้ว
นักเรียนทุกคนจะได้รับประทานร่วมกันในห้องเรียน
พร้อมทั้งคุณครูประจำชั้นด้วย และนี่คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้
นักเรียนและคุณครู มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน4. โรงเรียนญี่ปุ่น มีกฏให้นักเรียนเดินทางไปโรงเรียนด้วยตนเอง
โรงเรียนหลายๆ แห่งบังคับให้นักเรียนต้องเดินทางไปเรียนด้วยตนเอง
ไม่ว่าจะมีฐานะใดก็ตาม ส่วนประโยชน์ที่ได้ก็มีมากมาย ทั้งลดปัญหาการจราจร
สอนให้เด็กรับผิดชอบตนเอง แบ่งเบาภาระหน้าที่ผู้ปกครอง
แถมยังส่งเสริมให้เด็กๆ ในละแวกเดียวกันได้รู้จักมักจี่กันอีกด้วย5. มีการสอนให้เขียนบทกวี และการเขียนอักษรโบราณด้วยพู่กัน
เปรียบเหมือนดั่งการเรียนวิชาศิลปะในอีกแขนงหนึ่ง ที่นี่เด็กๆ
จะได้เรียนการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันลงบนกระดาษสา สำหรับการสอนบทกวี
ก็จะเน้นไปที่การให้นักเรียน
แต่งบทกวีเพื่ออธิบายความรู้สึกหรือสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจของตนออกมา
ซึ่งทั้งสองวิชาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้วัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นยังคงสืบทอดต่อไป
และได้เรียนรู้ที่จะเคารพในความคิดที่แตกต่างของคนอื่นอีกด้วย6.ปีการศึกษาใหม่จะเริ่มต้นที่ 1 เมษายน เป็นประจำทุกปี
ขณะที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในโลก
เริ่มต้นปีการศึกษาในเดือนกันยายนหรือตุลาคม
แต่ในญี่ปุ่นมักเริ่มต้นการศึกษาในเดือนเมษายน
วันแรกของโรงเรียนมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุด
นั่นก็คือ ?การเบ่งบานของดอกเชอร์รี่? โดยปีการศึกษาแบ่งออกเป็น 3
ภาคการศึกษาด้วยกัน ได้แก่- ภาคเรียนที่ 1 จะเริ่มวันที่ 1 เมษายน ? 20 กรกฎาคม
- ภาคเรียนที่ 2 จะเริ่มวันที่ 1 กันยายน ? 26 ธันวาคม
- ภาคเรียนที่ 3 จะเริ่มวันที่ 7 มกราคม ? 25 มีนาคม
นักเรียนญี่ปุ่นจะได้รับวันหยุดในช่วงฤดูร้อน 6 สัปดาห์ และยังมีการแบ่งสัปดาห์ในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย
7. หลังเลิกเรียนจะมีการ workshops ทุกครั้งก่อนกลับบ้าน
ในช่วงเย็นกลุ่มเด็กเล็กๆ นักเรียนญี่ปุ่นจะมีการเรียนพิเศษ หรือ
workshops เพิ่มเติม
ไม่น่าแปลกใจว่านักเรียนในประเทศนี้แทบจะไม่เคยซ้ำชั้นในระดับประถมศึกษา
และมัธยมศึกษาตอนต้นหรือโรงเรียนมัธยมกันเลย
โดยเกือบทุกโรงเรียนมัธยมต้องการให้นักเรียนของพวกเขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียน
ในขณะที่บางโรงเรียนมีเครื่องแต่งกายของตัวเองแบบดั้งเดิม8. อัตราการเข้าเรียน 99.99%
ทุกคนอาจจะเคยเหลวไหลสักครั้งในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นไปโรงเรียนสายหรือโดดเรียน
แต่สำหรับนักเรียนญี่ปุ่นจะไม่การโดดเรียน ไม่มาโรงเรียนสาย
และก็จะไม่การเรียนซ้ำชั้นโดยเด็ดขาด?????????????-
ข้อมูล :brightside