ปส.จ่อเรียกสอบดาราไฮโซซี้ไซซะนะคาด 1-2 สัปดาห์ น่าจะชัดเจนว่า "เบนซ์ เรซซิ่ง" โยงเครือข่ายไซซะนะ หรือไม่

อ่าน 10,889

รองผบช.ปส. คาด 1-2 สัปดาห์ น่าจะชัดเจนว่า 'เบนซ์ เรซซิ่ง' โยงเครือข่ายไซซะนะ หรือไม่ ขณะ เตรียมเรียกสอบดารา-ไฮโซ อาจเอี่ยวอยู่ระหว่างตรวจสอบ

พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการรวบรวมข้อมูลของพนักงานสอบสวน หลังสอบปากคำ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เกี่ยวกับที่มาของรถแลมโบกีนี ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์น่าจะมีความชัดเจน ว่านายอัครกิตติ์ มีส่วนเชื่อมโยงหรือไม่ ซึ่งแนวทางการดำเนินการ หากไม่พบความเชื่อมโยง และมีที่มาของรถแลมโบกินีอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ก็จะคืนรถที่อายัดมาคืนกับเจ้าของ แต่หากการตรวจสอบพบว่าเกี่ยวข้อง ก็จะถูกดำเนินคดีใน ข้อหาฟอกเงิน โดยจะเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งหาก นายอัครกิตติ์ ให้ความร่วมมือ ก็มีโอกาสได้รับการประกันตัว แต่หากไม่ยอมมารับทราบข้อกล่าวหาก็จำเป็นต้องออกหมายจับ

ส่วนกรณีที่มีดารานักแสดง หรือไฮโซ เข้าไปเกี่ยวข้องนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะบางรายที่ถ่ายรูปร่วมกับเครือข่ายนายไซซะนะ อาจจะแค่ร่วมงานอีเว้นท์ และรับค่าจ้างไป แต่บางรายถ่ายรูปร่วมกันหลายครั้ง เป็นการบ่งบอกถือความสนิทสนม ก็จะต้องตรวจสอบ และประสาน ปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินพร้อมๆกัน ก่อนจะเชิญมาให้ข้อมูล ซึ่งขณะนี้ไม่สามรถเปิดเผยรายละเอียดได้ ว่ามีจำนวนกี่คน

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ชาตรี ยังเปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าหลังสอบปากคำ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ผู้ต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับ นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดของ นายไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดชาวลาวที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ว่าหลังจากนี้จะต้องมีการเรียกมาให้ข้อมูลอีก เนื่องจากนายอัครกิตติ์ ยังนำเอกสารมาไม่ครบ แต่ยังไม่กำหนดวัน และเวลา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเตรียมข้อมูลซักถามให้พร้อมก่อนจึงจะเชิญมา เพราะไม่อยากให้เดินทางมาหลายครั้ง แต่หากนายอัครกิตติ์พร้อมจะให้ข้อมูล หรือนำเอกสารมาเพิ่มเติม ตำรวจก็พร้อมรับตลอด 24 ชั่วโมง

ส่วนกรณีที่ นายอัครกิตติ์ ระบุว่ายืมเงินจาก นายณัฐพล 6 ล้านบาท มาดาวน์รถ แต่อ้างว่าไม่มีเอกสาร สัญญาการยืมเงินนั้น เป็นการให้ข้อมูลที่ขาดความน่าถือ และไม่มีน้ำหนัก ซึ่งเบื้องต้นตำรวจยังคงเชื่อว่ารถคันดังกล่าวเข้าข่ายมีความเชื่อมโยงขบวนการของนายณัฐพล

ขณะที่ ป้ายทะเทียน กจ.51 กรุงเทพฯ ที่ติดอยู่กับรถแลมโบกินี แต่ตรวจสอบแล้วเป็นรถโฟคนั้น นายอัครกิตติ์ อ้างว่า นายณัฐพล นำรถโฟคมาจำนำเมื่อหลายปีก่อน และตนถูกโฉลกกับเลขป้ายทะเบียนนี้จึงนำมาใช้ต่อ ซึ่งก็เป็นอีก 1 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายณัฐพลอีก เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตามหารถโฟคคันดังกล่าว และเตรียมเชิญ บุคคลที่มีชื่อครอบครองป้ายทะเบียนดังกล่าวมาให้ข้อมูล ซึ่งขณะนี้รู้ชื่อแล้วอยู่ระหว่างการประสาน

ส่วนรถในรายการของ นายอัครกิตติ์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการ ยังมีอยู่ แต่ทราบว่าบางคัน นายอัครกิตติ์ระบุว่าได้ขายไปแล้ว และบางคันไม่ได้มีการโอนเป็นเอกสาร ซึ่งก็ต้องพิสูนจ์ว่าหลุดมือไปจริง หรือฝากใครไว้หรือไม่ ซึ่งคำให้การต่างๆ ก็จะรับฟังไว้ แต่ตำรวจเองก็จะพิสูจน์ทราบด้วยเช่นกัน



บทความแนะนำ


ภาพยนตร์หนุ่มบอยเฟรนด์InsidiousInsideOutพิธีกรรมไสยศาสตร์เสียชีวิตทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก