ควรไปเที่ยวซะ ! 10 สถานที่ที่กำลังจะหายไปจากแผนที่โลกตลอดกาล
โลกเป็นบ้านที่งดงามของมนุษย์และเหล่าสิ่งมีชีวิต
แต่ปัญหาโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวนที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์
ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จะทำให้ความสมดุลของโลกเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามกำลังจะแปรเปลี่ยน
เมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น ก็ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย
ระดับน้ำในทะเลและมหาสมุทรก็เพิ่มระดับสูงขึ้น
ซึ่งอาจทำให้แผ่นดินบางส่วนได้รับผลกระทบ
และแน่นอนว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่งกำลังหายไปจากแผ่นที่โลกตลอดกาล อาจจะภายใน 100 ปีข้างหน้านี้ หรือไม่ก็อาจเร็วกว่านั้น ! Rabbit Daily จะได้รวบรวม 10 สถานที่ที่มีความเสี่ยงจะหายไปจากแผนที่โลกหากสถานการณ์วิกฤตโลกร้อนยังคงรุนแรงเช่นนี้ ลองไปชมกันสิว่ามีที่ไหนบ้าง ?
1.เวนิส ประเทศอิตาลี
เมืองแสนโรแมนติก ฉายา ?ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก?
รีบไปนั่งเรือกอนโดลาก่อนที่เมืองสายน้ำแห่งนี้จะจมใต้บาดาล เพราะทุก
ๆปีเวนิสจะเกิดปรากฎการณ์น้ำทะเลหนุนสูงจนเกิดน้ำท่วมกลางเมืองถึงปีละ 200
ครั้ง2.เมืองโบราณมาชูปิกชู ประเทศเปรู
เมืองโบราณบนยอดเมฆ ซึ่งเดิมเคยเป็นแหล่งอารยธรรมของจักรวรรดิอินคา เป็น
1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไปเยือนจำนวนหลายล้านคน!
อาจส่งผลให้ร่องรอยรากซากอารยธรรมแห่งนี้ทรุดโทรมเร็วกว่าที่คิด
และในระยะหลังยังเกิดเหตุดินถล่มอีกด้วย3.หมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์
หมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งอุดมไปด้วยความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศวิทยา
และธรณีวิทยา เต็มไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่หลากหลายสายพันธุ์
แต่ปัจจุบันหมู่เกาะแห่งนี้กำลังเป็นมรดกโลกที่อยู่ในสภาวะอันตราย
เนื่องจากมนุษย์บุกรุกพื้นที่สัตว์ป่า และทำลายสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล
ทำให้ความสมดุลเปลี่ยนแปลงไป4.ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย
ทัชมาฮาลที่สร้างด้วยหินอ่อน
โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งอย่างปราณีตและวิจิตรสวยงามกลายเป็นไอคอนที่สำคัญของประเทศอินเดีย
มีนักท่องเที่ยวแห่ไปเยือนไม่ขาดสาย
ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวบวกกับความเก่าแก่ของโบราณสถานแห่งนี้อาจทำให้บางส่วนของทัชมาฮาลอาจทรุดโทรมและพังถล่มลงมา5. มัลดีฟส์
ประเทศมัลดีฟส์ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย
มีหมู่เกาะปะการังที่สวยงามจำนวนมาก
ซึ่งปัญหาหลักที่น่ากังวลคือเกาะเหล่านี้อาจจมหายไปภายในเวลา 100 ปี
เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น
ถึงตอนนั้นเรื่องเล่าของเกาะสวาทหาดสวรรค์แห่งนี้อาจหลงเหลืออยู่แค่ในภาพถ่ายก็ได้6. Big Sur รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
Big Sur คือจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเส้นถนนเลียบมหาสมุทรแปซิฟิก
ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สามารถชมวิวภูเขาและทะเลไปพร้อมๆ กัน
แต่บริเวณนี้มักเกิดปัญหาความแห้งแล้ง ทำให้เกิดไฟป่าอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่ารวมถึงบริเวณ Big Sur ด้วย
7.มัสยิด Timbuktu ประเทศมาลี
มัสยิดที่มีชื่อเสียงของประเทศมาลีในแถบแอฟริกาตะวันตก
ตัวมัสยิดสร้างด้วยโคลน ในราวศตวรรษที่ 14-16
ปัจจุบันได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
แต่ปัญหาที่น่ากังวลก็คืออุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อตัวมัสยิด
รวมทั้งพายุฝนฟ้าคะนองที่อาจส่งผลให้มัสยิดเก่าแก่แห่งนี้ทรุดโทรมเร็วขึ้น8. เกาะตูวาลู
ตูวาลู เป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก
มีประชากรจำนวนไม่มาก แม้ไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
ธรรมชาติยังไม่เสื่อมโทรม แต่ปัญหาที่อาจเกิดกับเกาะเล็กๆ แห่งนี้คือ
ในอนาคตน้ำทะเลจะท่วมเกาะทำให้เกาะจมอยู่ใต้บาดาล
เนื่องจากตัวเกาะสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 15 ฟุตเท่านั้น !9.Joshua Tree National Park รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
อุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีลักษณะภูมิประเทศที่มีความแปลกตาและโดดเด่นด้วยต้นไม้สายพันธุ์หายาก
แต่ปัญหาที่รัฐแคลิฟอร์เนียประสบบ่อยที่สุดก็คือ ?ความแห้งแล้ง?
แน่นอนว่าอุทยานแห่งนี้ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีน้อยมาก ทำให้พื้นดินแห้งแล้ง
ต้นไม้จำนวนมากล้มตายเพราะขาดน้ำนั่นเอง10.ทะเลเดดซี ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล
ทะเลสาบน้ำเค็มที่ได้ชื่อว่ามีความเข้มข้นของเกลือสูงมาก
คุณสามารถไปนอนลอยตัวแช่น้ำทะเลอ่านหนังสือพิมพ์ได้โดยไม่ต้องกลัวจมเลยล่ะ
แต่ภาวะโลกร้อนทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กำลังจะเหือดแห้งไป โดยตลอด 40
ปีที่ผ่านมาพบว่าพื้นที่ทะเลหดหายไปถึง 80 ฟุต
เรียกได้ว่าปริมาณน้ำลดลงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทะเลเดดซีอาจจะหายไปในอีก 50
ปีข้างหน้าเป็นยังไงกันบ้างกับ 10 สถานที่ที่ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน
คงน่าเสียดายแย่เลยเนอะหากสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะไม่ปรากฎอยู่ในแผนที่โลกอีกต่อไปนี้รู้อย่างนี้แล้วต้องรีบหาโอกาสไปเยือนแล้วล่ะ
แต่นอกเหนือจากการไปเที่ยว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหันมาใส่ใจโลกของเรา
โดยการช่วยกันประหยัดพลังงานและทรัพยากร รวมทั้งไม่สร้างมลพิษเพิ่มเติมให้กับสภาพแวดล้อมเพื่อให้สถานที่สวยๆ
อยู่คู่กับโลกของเราไปนานๆ
เพราะมนุษย์กับธรรมชาติต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน^^ที่มา :
thisisinsider