เก็บกระเป๋าแล้วไปสูดอากาศบริสุทธิ์ไม่ใกล้ไม่ไกลที่เขาหลวงสุโขทัย

ไม่ได้สัมผัสหมอกบนเขามานานเท่าไหร่แล้วน้า นี่เป็นเสียงในหัวหลังจากทํางานหนักมาสักพัก ร่างกายต้องการโอโซนบริสุทธิ์จากบนยอดเขา ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เป็นฤดูกาลของการเดินเขาหลวงสุโขทัย ฟังชื่อจังหวัดดูแล้วเหมือนจะไม่ไกล งั้นเก็บกระเป๋าไปลุยกันเลยเถอะ

เรามาถึงสุโขทัยประมาณตีห้าที่บขส.คีรีมาศ จะมีวินมอเตอร์ไซต์รับจ้างแถวๆ นั้น คิดค่าบริการไปส่งอุทยานแถมพาไปหาซื้อของที่ตลาดก่อนด้วยคนละ 150 บาท แต่ถ้าใครมาเป็นกลุ่มแนะนําให้โทร.ติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานล่วงหน้าเพื่อจ้างรถมารับจะดีกว่า

สุโขทัยตั้งอยู่ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ขึ้นชื่อว่าสุโขทัยเราคงนึกถึงอุทยานประวัติศาสตร์ ซากปรักหักพัง หรือวิถีชีวิตเก่าแก่เป็นแน่ นึกไม่ถึงว่าจะมีภูเขาให้เราได้ไปสัมผัสธรรมชาติกันด้วย เขาหลวงสุโขทัยตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคําแหง อําเภอคีรีมาศ ใครที่จะไปแนะนําให้โทร.ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อน การเดินทางจากกรุงเทพฯไปสุโขทัยใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงโดยรถทัวร์ ควรขึ้นรถรอบประมาณ 3 ทุ่มเป็นต้นไปจะถึงสุโขทัยในช่วงเช้า และก็เป็นไปตามธรรมเนียมคือ ?ไปไม่ทันรอบรถ 555 ทําให้เราต้องเปลี่ยนไปนั่งรถตู้รอบห้าทุ่มแทน ซึ่งค่ารถพุ่งไปถึง 460... จ่ายวนไปค่ะ

บรรยากาศยามเช้าของตลาดในเมืองสุโขทัยวุ่นวายนิดๆ พอให้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่อยู่บ้าง ในการไปใช้ชีวิตบนยอดเขา เราต้องพกอาหารขึ้นไปเอง เพราะด้านบนมีเพียงนํ้า มาม่า ปลากระป๋องเล็กๆ น้อยๆ แต่ราคาสูงมาก ถึงหน้าอุทยานเสียค่าบริการคนละ 40 บาท แล้วเข้าไปตั้งหลักกันโลด อุทยานแห่งชาติรามคําแหงจะมีห้องนํ้าหลายห้อง ร้านค้าสวัสดิการด้านล่าง ใครที่ลืมซื้อของก็แวะมาซื้อที่นี่ก่อนเดินได้ราคาไม่บวกเพิ่ม จากนั้นเราก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อจองเต็นท์กันได้เล้ยยย

อุทยานจะเปิดให้เริ่มเดินขึ้นเขาตั้งแต่ 8 โมงเป็นต้นไป ใครที่ไปช่วงนี้ต้องพกนํ้าไปเองเพราะเกิดไฟป่าทําให้ท่อส่งนํ้าไปด้านบนไหม้เสียหาย และใครที่คิดว่าไม่ไหวแน่ๆ จ้างลูกหาบเถอะจะได้ไม่เป็นภาระต่อจิตใจ

5555 กิโลกรัมละ 25 บาทเท่านั้นค่ะคู๊ณณณ ระยะทางจากทางขึ้นถึงจุดพักแรมประมาณ 3.7 กิโลเมตร เค้าเคลมว่าใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง เพื่อไปถึงด้านบน ทางเดินเข้าในช่วงแรกเรียกได้ว่าสบายเบเบ แค่เนี่ยเองหรอ ยากกว่านี้ก็เดินมาแล้ว พูดไม่ทันขาดคําเหมือนโดนหลอกให้ตายใจ เข้าสู่กิโลเมตรแรกจ้า ขาเริ่มล้า กิโลเมตรที่สองยังอีกยาวไกล แต่จะมีป้ายบอกจุดพักชมวิว และสถานที่สําคัญตามทางเรื่อยๆ เหมือนคอยให้กําลังใจเรา ระหว่างทางจะเจอพันธุ์ไม้และแมลงหลากหลายชนิด รวมถึงร่องรอยของไฟป่าตามต้นไม้ต่างๆ ระยะทางที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เราเดินมาถึงจุดชมวิว ที่เริ่มจะมองเห็นเขานมสาว และเขาลูกอื่นบ้างแล้ว บางจุดชันถึง 70-90 องศา เราเริ่มเร่งฝีเท้า เพราะพี่ลูกหาบเริ่มตามมาทัน จากที่ขึ้นมาคนแรกๆ ตอนนี้รั้งท้าย เพราะพักแทบทุกจุด จุดสําคัญระหว่างทางจะเป็นต้นไทรงามพันปี สูงใหญ่มาก ดงป่าไผ่ที่ขึ้นเรียงตัวกันสวยอย่างกับงานสถาปัตย์ และปล่องนางนาคตามตํานาน จุดสุดท้ายก่อนที่เราจะขึ้นไปถึงเรียกว่า มอตะคริว เป็นช่วงที่ชัน เป็นตะคริวสมชื่อ ต้องคว้าไม้แถวนั้นแล้วคอยเกาะหินขึ้นไป

รามาถึงด้านบนเวลาเกือบบ่ายสอง ใช้เวลาไปทั้งสิ้นแถ่นแท๊นนน 5 ชั่วโมงกับเส้นทาง 3,720 เมตร ด้านบนอากาศดี ช่วงที่เราไปเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ คนไม่เยอะมาก มีเพียงสามสี่กลุ่มใหญ่ๆ ด้านบนจะมีห้องนํ้าสะอาด แยกหญิงชายหลายห้อง มีจานชามให้ยืม ลานตั้งแคมป์ และร้านสวัสดิการ มื้อเย็นและมื้อเช้าของเราเป็นมาม่าผัดหอยลาย ใส่ไข่ชามโตแถมด้วยลูกชิ้นจากเพื่อนใหม่ใจดีที่ตั้งแคมป์อยู่ก่อนหน้าแล้ว เป็นเรื่องราวที่เราประทับใจทุกครั้งเวลาเดินทางแล้วได้เจอคนรู้จัก หรือเพื่อนใหม่เพิ่ม

จุดชมวิวสําคัญของที่นี่มีหลายที่ทั้ง เขาภูกา ที่ต้องเดินต่อไปอีก 2,220 เมตร เขาแม่ย่า-ดูพระอาทิตย์ตก 980 เมตร ผานารายณ์ 400 เมตร และผาชมปรง-ดูพระอาทิตย์ขึ้น 400 เมตร จุดชมวิวที่เราเลือกไปคือ ผานารายณ์ เดินตรงขึ้นไปตามเนินเรื่อยๆ สัก 400 เมตรก็จะเจอกับวิว 360 องศา หน้าผาที่มองลงไปแล้วเสียวสุดๆ วันนี้หมอกลงหนักมาก จนเกือบมองไม่เห็นวิว ต้องอาศัยช่วงที่ลมพัดหมอกผ่านเห็นวิวภูเขาและเมืองสุโขทัยด้านล่าง จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปมากที่สุดก็คงเป็นก้อนหินใหญ่ปลายแหลมที่ยื่นไปริมผา เป็นแลนมาร์คที่ใครๆ ก็จะรู้จักเขาหลวงสุโขทัย เมื่อขึ้นไปอยู่บนก้อนหินใหญ่ เราจะสังเกตเห็นเจดีย์สีขาวๆ เล็กๆ อยู่ตรงหน้า มีที่มาเมื่อครั้งทางจังหวัดสุโขทัยได้มาทําพิธีต่อชะตาเมืองที่ผานารายณ์ และสร้างเจดีย์เล็กๆ นี้ไว้นั่นเอง

ขากลับเราใช้เวลาสามชั่วโมงในการเดินทางลงมา ขาขึ้นชันยังไงขาลงก็ชันเท่าเดิม เพิ่มเติมคือลื่นหัวทิ่มไปห้ารอบ 555 เขาหลวงสุโขทัยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสําหรับคนที่ชอบเดินป่าปีนเขา เดินทางไม่ไกลมาก ระยะทาง 3.7 กิโลเมตรที่โหดพอประมาณ แต่หมอกและวิวด้านบนคุ้มค่าแก่การขึ้นไปมาก หรือหากใครที่มีเวลามากพอจะเหมารถไปชมอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ ซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ในตัวเมืองก็ดีไม่แพ้กันขอบคุณภาพบางส่วนจาก Kridsada Eiamsakul