น้อยคนที่จะรู้ !? เบื้องหลังการทำงานของ "คนเก็บขยะ" ยอมสกปรก-เนื้อตัวเหม็นคลุ้ง เพื่อให้ทุกคนได้อยู่อย่างสะอาด

ถึงแม้อาชีพพนักงานเก็บขยะ จะเป็นอาชีพที่คนส่วนใหญ่มักดูถูก ไม่ค่อยมีคนยอมรับและกล้าทำ เพราะมันสกปรก เนื้อตัวเหม็น แต่ก็มีคนบางส่วนที่ยอมรับและ กล้าทำ ถึงแม้จะมีอาชีพอื่นที่สามารถทำได้และเงินเดือนดีกว่าก็ตาม เรียกได้ว่าบุคคลที่ทำอาชีพนี้เป็นผู้เสียสละ แม้จะโดนดูถูก แต่มันก็เป็นอาชีพสุจริต และทำเพื่อให้หลายๆคนได้อยู่อาศัยในบ้านเมืองที่สะอาด

โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กที่มีชื่อว่า "Suttipong Jaikong" ได้โพสต์ภาพคนเก็บขยะนอนอยู่บนกะบะรถบรรทุกขยะของเทศบาล พร้อมกับระบุข้อความชวนคิดเอาไว้ว่า " อาชีพนี้คือผู้เสียสละ เคยคิดนะ ว่า พวกเขาเหล่านี้เสียสละทำงานเเบบนี้ เหนื่อยก็เหนื่อย เเถมยังโดนดูถูก ยิ่งไปกว่านั้น เงินเดือนก็น้อยต่างกับพวกที่นั่งสบายๆวันๆไม่ค่อยทำไร แล้วเงินเดือนหลายหมื่น แถมบางคนยังคดโกงเงินอีก ประเทศเราน่าจะลองกลับกันนะ น่าจะให้เงินเดือนพวกเขาเหล่านี้สูงๆ และพวกนั่งสบายๆ เอาไปถูกๆ ! เห็นด้วยไหมล้ะ? #เป็นกำลังใจให้กับอาชีพนี้ครับ เยิฟๆ "

ทั้งนี้ อาชีพคนเก็บขยะ เป็นอาชีพของแรงงานนอกระบบที่ไม่มีใครเหลียวมองหรือสนใจเลย ในประเทศไทยคนที่มีอาชีพเก็บขยะจะหล่อเลี้ยงชีวิตคนยากจนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก (มีรายได้ต่ำสุดวันละ51 บาท สูงสุด 200 บาท โดยเฉลี่ยแล้วมีรายได้ระหว่าง 51-100 บาทต่อวัน)

คนเก็บขยะมักจะมีอายุระหว่าง 10-66 ปี ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 31-40 ปี การเก็บขยะต่อวันวันละ 6-10 ชั่วโมง พวกเขาจะเก็บขยะทุกประเภทที่สามารถนำไปขายได้ ไม่เว้นแม้แต่วัสดุอันตราย เช่น อุปกรณ์หรือเครื่องมือแพทย์จากโรงพยาบาล ภาชนะบรรจุยาฆ่าแมลง ถุงยางอนามัย ผ้าอนามัย โลหะ เศษอาหาร ซากสัตว์ เศษไม้ แก้ว หรือลูกกระสุนปืน เป็นต้น หลังจากคัดแยกหมวดหมู่ขยะมูลฝอยแล้ว คนเก็บขยะก็จะนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าหรือโรงงานขยะ

ดังนั้น "คนเก็บขยะ" จึงเป็นกลไกหรือฟันเฟืองเสริม หรือเรียกได้ว่า "ผู้ย่อยสลาย" เมื่อเปรียบเทียบกับระบบห่วงโซ่อาหาร ที่เข้ามาทำหน้าที่จัดการคัดแยกขยะมูลฝอยปริมาณมหาศาล ให้เหลือส่วนที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้จริงๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการกำจัดขยะมูลฝอยของทางราชการต่อไป

ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กำลังรับใช้สังคมโดยการเป็นกลไกสำคัญในการจัดการสิ่งแวดล้อมและลดปริมาณขยะเป็นศูนย์ เมื่อทราบข้อเท็จจริงดังนี้แล้ว ผู้ที่เคยคิดดูถูกหรือเดินหนีห่างคนเก็บขยะด้วยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของพวกเขา อาจจะมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและส่งยิ้มให้กับผู้ประกอบอาชีพนี้มากขึ้น

ขอบคุณที่มา:http://www.tsood.com/contents/160106/ข้อมูล : Suttipong Jaikong