พบพิรุธ ธุรกรรมการเงิน "เบนซ์ เรซซิ่ง"! เตรียมเรียกแม่-เมีย ให้ข้อมูลเพิ่ม

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นำโดย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. นำกำลังเข้าจับกุมทลายเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว และขยายผลเอาผิดต่อนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 30 ปี นักแข่งรถชื่อดัง สามีของแพท-ณปภา ตันตระกูล ดารานักแสดงสาวและพิธีกรชื่อดัง ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนายไซซะนะ ก่อนที่ศาลอาญาพิจารณาพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์ 500,000 บาท อนุญาตให้ประกันตัวไปชั่วคราว โดยกำหนดข้อห้ามออกนอกราชอาณาจักร ยกเว้นได้รับอนุญาตจากศาลนั้นนั้น

เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง พบว่า มีการทำธุรกรรมทางการมาเงินตลอดระยะเวลา 2 ปี ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เมื่อสอบถามถึงแหล่งที่มาของเงิน นายอัครกิตติ์ก็ไม่สามารถบอกที่มาของจำนวนเงินดังกล่าวได้

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนขยายผลพบเบื้องต้นมีบุคคลในแวดวงเกี่ยวกับรถหรูและรถแข่งที่ร่วมทำธุรกรรมทางการเงินกับนายอัครกิตติ์ ไม่ต่ำกว่า 10 ราย แต่ไม่พบบุคคลมีชื่อเสียงร่วมด้วย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ นักค้ายาเสพติด และเครือข่ายของนายไซซะนะ หรือไม่

พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจสอบเงินในบัญชีและเส้นทางการเงินของนายอัครกิตติ์ เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คในเชิงลึกว่ามีการโอนเงินและรับเงินจากใครบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนคนในแวดวงที่เชื่อมโยงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภรรยาคือ ?แพท ณปภา ตันตระกูล? รวมทั้งมารดาของนายอัครกิตติ์ และรวมถึงบุคคลที่มีชื่อรับและโอนเงินเข้าออกในบัญชี นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังรอข้อมูลทางการเงินอีกบางส่วนจากทางธนาคารด้วย

รอง ผบช.ปส.กล่าวอีกว่า ?แม้เบื้องต้นมารดาของนายอัครกิตติ์ เป็นคนที่มีฐานะอยู่แล้ว แต่ต้องเรียกมาสอบด้วย เพื่อให้เกิดความกระจ่างและชัดเจน รวมถึงเป็นการตรวจเช็กด้วยว่าเงินที่อ้างว่าให้นายอัครกิตติ์ใช้ และเงินที่นายอัครกิตติ์ให้กับมารดานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรด้วย?

พล.ต.ต.ชาตรีกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินและยังมีข้อสงสัยบางประการ จะมีการรวบรวมหลักฐานไว้ จากนั้นในตอนท้ายอาจต้องเชิญนายอัครกิตติ์มาให้ข้อมูลอีกครั้งพร้อมกับมารดาด้วย เพื่อชี้แจงถึงที่มาของเงินหมุนเวียนที่มีมากถึง 100 ล้านบาท เรื่องนี้หากนายอัครกิตติ์ชี้แจงอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนแรก เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องเรียกมาสอบใหม่