น้องคิว วอนหยุดกล่าวหาหลังโดนแฉจนไม่จริง เผยปิดบัญชีแล้ว

อ่าน 13,559

กลายเป็นกระแสดราม่าในโลกโซเชียลอีกจนได้ จากกรณีที่นายอธิวัฒน์ วิทย์พิชิตชัย หรือน้องคิว อายุ 18 ปี ที่สอบติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวิศวกรรมเคมี แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมงวดแรกจำนวน 36,000 บาท เนื่องจากแม่ซึ่งเป็นเสาหลักเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่วนพ่อแท้ๆ ก็ทิ้งไปตั้งแต่น้องคิว 4 ขวบ ขณะที่พ่อเลี้ยงหลังแม่เสียชีวิตแล้วก็ไม่ให้อยู่ร่วมบ้านด้วย จนน้องคิว ต้องไปขออาศัยอยู่กับนางจันทร์จิรา เกียรตินอก ผู้เป็นป้า ที่มีอาชีพขายข้าวแกง

โดยในเฟซบุ๊กมีการโพสต์ข้อความอ้างว่า ทั้งป้าและหลานหลอกลวงให้ผู้คนมาบริจาคเงินช่วยค่าเทอม ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ยากจนจริง ทั้งกล่าวหาว่าหลังจากได้เงินบริจาคแล้ว ก็นำไปเข้าร้านอาหาร ซื้อโทรศัพท์มือถือ และนาฬิการาคาแพง

จากกรณีดังกล่าวผู้สื่อข่าวจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริง กับนางจันทร์จิรา ป้าของน้องคิว ก็ได้ให้ข้อมูลว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหกตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังด้วยว่า พ่อแท้ๆ ของน้องคิว ได้ทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก ก็ไม่เคยติดต่อกับแม่น้องคิวอีกเลย กระทั่งแม่น้องคิว ซึ่งก็เป็นน้องสาวของตนเองได้มีสามีใหม่คือพ่อเลี้ยงของน้องคิว คนปัจจุบัน ซึ่งสามีใหม่คนดังกล่าวมีลูกติด 3 คน ส่วนน้องคิวเป็นลูกติดน้องสาว และมีลูกด้วยกันเพิ่มอีก 1 คนรวมเป็น 5 คน ช่วงที่น้องสาวยังมีเสียชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ขัดสนอะไร เพราะน้องสาวมีอาชีพขายอาหารตามสั่งอยู่ในตลาดไนท์มีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูน้องคิว และคนในครอบครัวถือเป็นเสาหลักของบ้านเลยก็ว่าได้และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร

กระทั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา น้องสาวได้นอนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน โดยไม่ทันได้สั่งเสียอะไร และจู่ๆร้านขายอาหาตามสั่งที่น้องสาวเคยขายและน้องคิว ก็ไปช่วยขายนั้น พ่อเลี้ยงก็สั่งห้ามเข้าไปยุ่งเขาจะดูแลจัดการเอง ทั้งห้ามเข้าบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่โดยบอกให้ต่างคนต่างอยู่ ทำให้น้องคิว ขาดที่พึ่งต้องมาอาศัยอยู่กับตนซึ่งเป็นป้า ต้องคอยอุปการะดูแลมาจนทุกวันนี้

ส่วนกรณีที่ผู้โพสต์กล่าวหาว่าไม่ได้ยากจนจริงแต่ไปโพสต์โซเชียลขอความช่วยเหลือนั้นก็ชี้แจงว่าไม่เคยบอกว่า ตนเองยากจนหรือร่ำรวยแต่ก็มีอาชีพพอเลี้ยงตัวเองและลูกได้ เพียงแค่ช่วงนั้นน้องคิวมาบอกว่าสอบติด ม.เกษตรฯ แล้วทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่าให้จ่ายค่าเทอมงวดแรกเพื่อยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษา ซึ่งขณะนั้นก็ไม่มีเงินก้อนที่จะไปจ่ายให้หลาน ส่วนตัวหลานก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรติดตัวมา จึงโทรไปปรึกษาแฟนที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด แฟนก็เลยโพสต์เฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาว่าหากมีผู้ใจบุญให้ยืมเงินเพื่อนำไปเป็นค่าเทอมให้กับน้องคิว ที่สอบติดม.เกษตรฯ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม หากกู้เงิน กยศ.ได้ก็จะผ่อนจ่ายคืนให้ แต่เมื่อโพสต์เรื่องราวแล้วก็มีสื่อมาทำข่าวและก็มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยค่าเทอมและค่าเล่าเรียนให้กับน้องคิวจำนวนมาก

สำหรับกรณีที่กล่าวว่าน้องคิว นำเงินที่ได้รับบริจาคไปเข้าร้านอาหารซื้อมือถือ และนาฬิการาคาแพงนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ปัจจุบันน้องมีเพียงรถจักรยานยนต์ที่ยังติดไฟแนนซ์ มือถือ และนาฬิกา ที่แม่ของน้องเป็นคนซื้อให้ก่อนเสียชีวิตแต่ทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นน้องไม่มีอะไรติดตัวมา ไม่รู้ว่าคนที่โพสต์กล่าวหา มีจุดประสงค์อะไร แต่การที่ทำแบบนี้ทำให้สังคมเข้าใจผิด จนตอนนี้ทั้งตนเองและน้องคิว เครียดมาก โดยเฉพาะน้องสภาพจิตใจย่ำแย่มาก เพราะนอกจากจะสูญเสียแม่แล้วยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

นางจันทร์จิรา ยังยืนยันว่า ข้อมูลทุกอย่างเป็นเรื่องจริงสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่ว่าผู้โพส์ตจะมีจุดประสงค์อะไรก็ถือเป็นการกล่าวหา ทำให้ผู้อื่นหรือสังคมเข้าใจผิด ตนก็จะปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายเพื่อแจ้งความฟ้องร้องเอาผิดกับผู้โพส์ตข้อความกล่าวหาตนและหลาน และจะปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อไม่ให้เกิดกระแสกระทบจิตใจหลาน อีกทั้งเงินที่ได้รับบริจาคก็เพียงพอกับค่าเล่าเรียนแล้ว พร้อมขอบคุณผู้ใจบุญที่มีเมตตาช่วยเหลือหลาน

พร้อมกันนี้ นายอธิวัฒน์ หรือน้องคิว ยังได้ประกาศยุติรับบริจาคจากผู้ใจบุญที่หวังดี เนื่องจากขณะนี้มียอดเงินบริจาคช่วยเหลือค่าเล่าเรียนแล้วกว่า 1.6 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายค่าเทอมและใช้จ่ายในระหว่างเรียนแล้ว แต่ไม่สามารถปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นบัญชีที่ใช้กู้ยืมเงิน กยศ.ในระหว่างการศึกษาที่ผ่านมา แต่อยากให้ผู้ใจบุญได้บริจาคช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสรายอื่น ซึ่งจากนี้ไปตนจะเป็นคนดีของสังคมและตั้งใจเรียนตามเจตนาของผู้ใจบุญและผู้มีจิตศรัทธา ที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือให้ตนมีโอกาสได้ศึกษาตามที่ฝันไว้

นอกจากนี้ น้องคิว ยังได้นำหลักฐานสูติบัตรหรือใบเกิด และหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ มายืนยันต่อสื่อมวลชน กรณีที่ถูกกล่าวหาในโลกโซเชียลกรณีพ่อจริงพ่อปลอมว่า พ่อที่อยู่ด้วยปัจจุบันเป็นพ่อเลี้ยง ส่วนพ่อจริงหรือพ่อที่ให้กำเนิดนั้นได้ทิ้งไปตั้งแต่ตนอายุ 4 ขวบ ที่ผ่านมาตนไม่เคยโกหกพร้อมให้ทุกคนเข้ามาตรวจสอบได้ ส่วนที่บอกกับสื่อไปว่าพ่อเลี้ยงไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับร้านอาหารตามสั่งของแม่และบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่นั้น ตนแค่บอกเรื่องราวที่แท้จริงกับสื่อเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวพาดพิงพ่อเลี้ยง พร้อมขอโทษพ่อเลี้ยงที่ได้พาดพิงถึง หากมีโอกาสเรียนจบมีงานทำมีรายได้ ก็จะกลับมาตอบแทนพระคุณพ่อเลี้ยง ที่เคยดูแลช่วงที่แม่ยังมีชีวิตอยู่

ส่วนกรณีที่มีผู้ออกมาโพส์ตในโลกโซเชียลกล่าวหาตนกับป้าว่าหลอกลวง เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือนั้น ก็ขอยืนยันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แต่ตนก็จะไม่ตอบโต้และขออโหสิให้กับบุคคลดังกล่าว เพราะบางคนอาจจะไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองแต่ก็อยากวิงวอนให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียและทำให้สังคมเข้าใจตนกับป้าผิด



บทความแนะนำ


หนังเบย์เบลดBeybladeอุษามณีขวัญเต้าโผล่รับฝากเด็กร้านหนังสือภาพยนตร์การ์ตูนบันเทิงวันนี้เบย์เบลดข่าวบันเทิงข่าวทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก