ล้วงชีวิต! แตงโม หลังเลิกภรรยา ที่แต่งงานกันแค่ 8 เดือน

อ่าน 4,388

เชื่อว่าหลายคนยังคงจำกันได้ สำหรับเรื่องราวความรักของคู่สามีภรรยาที่เดินทางมาถึงทางตัน ในระยะเวลาที่หลายคนใช้คำว่า ค่อนข้างเร็ว เนื่องจากทั้งคู่แต่งงานกันได้เพียงแค่ 8 เดือนเท่านั้น อย่างคู่ของ "แตงโม พงษ์พิสุทธิ์" และอดีตภรรยาสาวแอร์โฮสเตส "เฟิร์น เกวรินทร์" จนกลายเป็นข่าวคราวคึกโครมตามหน้าสื่อ ท่ามกลางกระแสเม้าท์มอยต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ฝ่ายชายถูกมองว่าเป็นเกย์ ไปจนถึงเรื่องของมือที่สามที่เข้ามาแทรกกลางชีวิตคู่ ??

ซึ่งล่าสุดทางด้านของนักแสดงหนุ่ม "แตงโม พงษ์พิสุทธิ์" ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวความรักของตัวเองและอดีตภรรยากับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก โดยเจ้าตัวไม่ขอระบุรายละเอียดว่าเหตุผลที่ตัดสินใจจบชีวิตคู่ในครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไร แต่ก็ยืนยันว่าเป็นการพูดคุยที่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย และที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมือที่สาม หรือว่าตนเองเป็นเกย์อย่างที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้แน่นอน?

ถามถึงกระแสข่าวที่ออกมาสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องหย่าระหว่างเราและภรรยา มันเกิดอะไรขึ้น ?"ผมต้องชี้แจงก่อนนะครับว่าคู่เราคบกันยังไม่ได้จดทะเบียน แค่มีการวางแพลนและพูดคุยกันไว้เฉยๆ ส่วนเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาอันนี้ผมขอไม่ลงรายละเอียดและก็ขอไม่พูดถึงอะไรที่มันผ่านมาดีกว่านะครับ เพราะผมก็เคยพูดไปแล้ว ส่วนเรื่องราวหรือเหตุผลจะเป็นอะไรยังไงนั้นผมขอไม่พูดดีกว่า เพราะว่าอันดับหนึ่งเลยคือมันไม่ได้เกิดขึ้นที่ตัวผมคนเดียว เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดจากคนสองคนและคนสองคนก็คือคนที่รู้ดีที่สุด รวมถึงก็ยังมีคนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก คือมีครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นถ้าบางทีพูดอะไรออกไปมันก็อาจจะสร้างผลกระทบได้ไม่ใช่แค่กับตัวผม แต่มันก็จะกระทบกับทางอดีตภรรยาด้วย รวมถึงครอบครัวของเราสองคน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวผมหรือครอบครัวเขา คือมันอาจจะสร้างความไม่สบายใจได้ ดังนั้นผมขอไม่พูดถึงดีกว่าครับ"

ตอนที่ตัดสินใจคุยกันเรื่องนี้เรียกว่าเป็นการคุยกันด้วยความเข้าใจทั้งสองฝ่ายเลยไหม ?"เข้าใจครับ ก็คือมีการพูดคุยกันและกัน เพราะว่าการที่เราจะตกลงอะไรออกไปเราก็มีการพูดคุยกันเกิดขึ้นตลอด รวมถึงมีการคุยกันด้วยว่าไม่อยากให้พูดอะไรเยอะแยะ เพราะว่าอันดับหนึ่งเลยเขาเองก็ได้รับผลกระทบเยอะ เขาไม่ใช่คนในวงการ เขาไม่อยากที่จะออกมาพูดอะไร คือเขาเองก็ค่อนข้างแฟร์มากๆ ดังนั้นในตอนแรกๆ ก็เลยยังไม่พร้อมที่จะพูด"

หลายๆ คนค่อนข้างตกใจเพราะว่าคู่เราแต่งงานได้เพียงแค่ 8 เดือน ?"ผมเองก็ตกใจครับ ที่บ้านก็ค่อนข้างเป็นห่วงเหมือนกันเพราะว่าการคบใครสักคนเราก็ไม่ได้อยากให้มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น แต่เรื่องของความรักมันก็เป็นเรื่องที่เราคาดเดาไม่ได้ เพราะแต่ละคนต่างก็มีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมองว่าเร็ว บางคนก็บอกว่าถ้าหากมันอึดอัดก็ต้องตัดสินใจ คือเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่พูดยากมากๆ"

สำหรับคู่เราปัญหาที่เกิดขึ้นมันคือปัญหาที่ค่อนข้างคาราคาซังไหม ?"ผมคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาคาราคาซังนะ แต่มันเป็นเรื่องของความสบายใจมากกว่า คือถ้าเราอยู่กับใครและเราสบายใจ เรายอมรับซึ่งกันและกันได้ เรามีเหตุผลมากพอ เรารักกันมากพอ มันก็น่าจะประคับประคองกันไปได้ แต่ผมก็ไม่ได้บอกนะครับว่ามันเป็นสาเหตุใดสาเหตุเหนึ่ง แค่รวมๆ แล้วเรามีการพูดคุยกันและพูดคุยกันว่าเราสบายใจตรงไหน จากนั้นก็เลือกทางที่ดีที่สุดให้ทั้งคู่ไม่ให้ใครต้องอึดอัด"

ชีวิตการเป็นแฟนกับการเป็นสามีภรรยามันเปลี่ยนไปมากหรือเปล่าถึงทำให้คู่เราไปต่อไม่ได้ ?"ถ้าบอกว่าชีวิตก่อนแต่งกับหลังแต่งมันแตกต่างกันยังไง เอ่อ?อันนี้ผมก็ไม่เคยทราบเลยนะว่ามันแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไรจนได้มีประสบการณ์แต่งงาน ซึ่งมันก็แตกต่างนะ คือถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันในการทดลองใช้ชิวิต แต่มันก็ยังไม่เหมือนกับการแต่งงานอยู่ดี ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่ามันแตกต่างกันยังไงคือมันไม่สามารถอธิบายมาเป็นคำพูดได้ แต่มันเป็นเหมือนความรู้สึกบางๆ ที่อยู่ในชีวิตคู่มากกว่าครับ"

ตลอดระยะ 8 เดือนที่ผ่านมาเราสองคนปรับจูนกันยังไงบ้าง?"มีแน่นอนครับ เราปรับจูนกันตั้งแต่ก่อนแต่งด้วยซ้ำ คือดูว่าเขาชอบแบบไหน เราชอบแบบไหน แต่ว่าถ้าที่สุดแล้วคนเราถ้าหากเป็นตัวของตัวเองยังไงมันก็จะต้องเป็นตัวของตัวเองอยู่ดี เราไม่สามรถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมดหรือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจากตัวเราไปเป็นสิ่งที่เขาชอบได้ นอกเสียจากเราจะรับได้ในสิ่งที่เขาเป็น"

เสียใจไหมกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น ?"เสียใจแน่นอนครับ ไม่มีใครดีใจหรอกครับในการเลิกรา แต่เราก็ยังมีหน้าที่การงาน มีพ่อแม่ที่เราต้องรับผิดชอบ มีชีวิตที่เราต้องดำเนินต่อ มีภาระต่างๆ ที่มันต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งจริงๆ แล้วสำหรับเรื่องของผมมันอาจจะยังเบาๆ หากเทียบกับหลายๆ ท่านที่เขาเจอมาหนักหนากว่าผม แต่ทุกๆ คนก็ยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องลุกขึ้นยืนลุกขึ้นสู้ต่อไป"

สภาพจิตใจของเรา ณ เวลาถือว่าโอเคขึ้นแล้วหรือยัง ?"โอเคแล้วครับ เพราะอย่างที่ผมบอกพอมันมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาให้เราคิดเยอะ เราก็เลยต้องสู้ต่อไป ซึ่งไม่ใช่แค่กับตัวผม แต่ทางอดีตภรรยาของผมด้วยกันเหมือน คือเขาเองก็ยังออกไปทำงานทุกวัน พบปะผู้คนทุกวันแถมเจอมากกว่าผมด้วยซ้ำ ดังนั้นผมเชื่อว่าเขาเองก็เข้มแข็งมากๆ ที่จะต้องออกไปทำงานทุกวัน"

ทุกวันนี้เรากับอดีตภรรยายังพูดคุยกันอยู่ไหม ?"ตอนนี้ไม่ได้คุยแล้วครับ แต่ถ้าหากมีปัญหาหรือว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องคุยเราก็สามารถคุยกันได้ครับ เพราะเราไม่ได้เกลียดกัน"

จะมีโอกาสไหมที่เราสองคนจะสามารถปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง ?"ผมยังไม่ทราบเลยพี่ ตอนนี้ผมก็เลยยังไม่อยากจะพูดอะไร คือเรื่องของอนาคตเราก็ไม่สามารถรู้ได้เนอะว่ามันจะเป็นแบบไหน วันนี้เราอาจจะเลิกกัน แต่วันหน้าหากเรากลับมาเจอและมีคำพูดบางอย่างที่ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น เราก็อาจจะสามารถกลับมาพูดคุยกันได้คบกันได้ คือมันเป็นเรื่องของอนาคตอ่ะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่ได้อยากที่จะปิดกั้นตัวเองว่าสิ่งไหนได้หรือสิ่งไหนไม่ได้"

ในใจเราลึกๆ รู้สึกเสียดายไหมกับการตัดสินใจให้ผลออกมาแบบนี้ ?"เอ่อ?ไม่ทราบว่าจำกัดความว่าอะไรนะครับ แต่ในเมื่อเราตัดสินใจแล้ว เราก็ขอเลือกทำสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ตอนนี้ให้มันดีที่สุดดีกว่า"

สำหรับตัวเองคิดว่ามันเป็นการจบที่สวยไหม ?"ถ้าให้พูดตรงๆ โลกไม่ต้องสวยนะครับ ก็คือว่ามันไม่มีการเลิกครั้งไหนสวยแน่นอน แต่มันอยู่กับเรามากกว่าว่าเราจะประคองมันยังไง พูดออกมาแบบไหน ทำให้เขาไม่ได้รับผลมาก และเราทั้งคู่ก็ไม่ต้องมาเจ็บช้ำน้ำใจมากไปกว่านี้"

มีมือที่สามไหมสำหรับความสัมพันธ์นี้ ?"ไม่มีมือที่สามครับ ผมเองก็เคยบอกไปแล้วว่าไม่มีแน่นอน และทุกๆ วันนี้ผมเองก็ยังใช้ชีวิตอยู่คนเดียวด้วย"

อย่างบางกระแสก็ออกมาบอกว่าเราเป็นเกย์หรือเปล่า ?"ไม่หรอกครับ ถ้าหากจะเป็นจริงๆ ก็คงเป็นไปนานแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ มันก็มองได้นะเพราะผู้ชายเดี๋ยวนี้หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น แต่ว่าสำหรับตัวผมคือผมไม่ได้ดูแลตัวเองหรือเจ้าสำอางอะไรขนาดนั้น แค่มันอาจจะเป็นด้วยลุคหรือด้วยคำพูดมากกว่า เพราะผมมีเพื่อนผู้หญิงและมีเพื่อนเพศที่สามเยอะ มันก็เลยอาจจะติดเรื่องมือไม้มาบ้างนิดหน่อย"

เราเคยได้ยินข่าวไหมที่มีคนเม้าท์ว่าเราเป็นเกย์ ?"จริงๆ มันก็ตลกดีนะครับ และผมเองก็ชินแล้วด้วย คือมันเป็นเรื่องที่ผมรับมือกับมันได้มากกว่า ขนาดพี่ๆ ช่างแต่งหน้าช่างทำผมบางคนยังบอกเลยว่าผมไม่กลัวเลยเนอะ ซึ่งผมมองว่าผมไม่รู้จะกลัวทำไม แถมผมยังรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำเพราะว่ามันไม่ได้มีอะไรจริงๆ"

ยืนยันว่าเราเป็นผู้ชายแมนๆ แน่นอน ?"แมนๆ ครับ จริงๆ (หัวเราะ) ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน"

ณ ตอนนี้สำหรับตัวเราเองพร้อมเปิดใจให้กับความรักครั้งใหม่แล้วหรือยัง ?"เรื่องนี้ผมยังขอไม่โฟกัสเลยกว่า คืออะไรใช่เดี๋ยวมันก็เข้ามาเองแหละ แต่ถ้าอะไรไม่ใช่เดี๋ยวมันก็ออกไป แต่ถ้าให้ผมบอกว่าผมอยากมีแฟนใหม่ไหม คือมันยังไม่ใช่อ่ะครับ เอาเป็นว่าอนาคตถ้าจะเจอใครและถ้าเขาใช่มันก็ใช่เอง แต่ ณ ตอนนี้ผมขอไม่ขวนขวายเน้นโฟกัสเรื่องงานเป็นหลักดีกว่า"



บทความแนะนำ


ผู้ชายคลั่งถือปืนผู้หญิงข่าวล่าสุดปัญหาความรักทะเลเซเลเบสใต้ทะเลสิปาดันความรักทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก