คอลัมนิสต์ฝรั่งของ ESPN วิเคราะห์ : เกม "ไทย" แพ้ "ซาอุฯ" คาบ้าน 0-3

อ่าน 6,887

บทความนี้เขียนโดย Paul Murphy คอลัมนิสต์ชื่อดังของอีเอสพีเอ็น ซึ่งเจ้าตัวพำนักอยู่ในไทยมานานกว่า 9 ปี

-------------------------------------------------------

สิโรจน์ฉายเเววรุ่ง แม้ทีมไทยจะแพ้ซาอุฯขาดลอย

ทีมไทยที่เล่นได้น่าเบื่อหน่ายและเอื่อยเฉื่อยเหลือเกิน เปิดบ้านแพ้ทีมชาติซาอุฯอย่างน่าผิดหวัง 0-3 เป็นเพราะแนวรับที่อ่อนแอของพวกเขาอีกครั้ง(ซ้ำเเล้วซ้ำเล่า) เกิดขึ้นอีกเเล้วในบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย กลุ่มบี

ลูกทีมของโค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จ่ายบทเรียนที่เเสนแพงด้วยการออกสตาร์ทเริ่มเกม เพียงเพราะพวกเขาไม่สามารถหยุดความอันตรายของหัวหอกซาอุฯอย่าง เอล ซาลาวี่ ลงได้ ในทางกลับกัน ความหวังที่จะได้ผลเสมอเป็นอย่างน้อยกลับต้องฝันสลายเมื่อธนบูรณ์ เกษารัตน์ สกัดพลาดเข้าประตูตัวเองในช่วงท้ายเกม และซ้ำร้ายไทยมาเสียประตูเพิ่มอีกครั้งจากซัลมาน ซูซาว่า ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่งผลให้ทีมไทยนอนอยู่ก้นตารางคะแนนแบบไม่ฟื้น โดยมีเพียงเเต้มเดียวจากการลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 6 นัด

โค้ชซิโก้เซ็ตรูปแบบของทีมเหมือนอย่างเคย กล่าวคือ มีกองกลางตัวรุกส่วนใหญ่ถึง 3 คนและตามด้วยกองหน้าอีก 2 ไทยเปิดหัวด้วยระบบ 3-5-2 แบบที่ยืดหยุ่นได้ โดยให้ทริสตอง โดและธีราทร เป็นตัวสนับสนุนการบุกจากด้านข้าง

แต่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่ไทยต้องการในครึ่งแรก โค้ชเกียรติศักดิ์จึงเเก้เกมด้วยการส่งพีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา มิดฟิลด์ทางฝั่งซ้ายลงมาเเทนประชุม ชูทอง กองหลัง ในขณะที่ถอยเอาธีราทรลงไปยืนในแนวหลังแบบสามกองหลัง

เกมของไทยมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดภายหลังที่พีระพัฒน์ลงมา ทีมไทยมีโอกาสสร้างการเข้าทำได้มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็พลาดการเบิกสกอร์ไปทั้งหมด พีระพัฒน์เองยิงออกแบบไม่ได้ลุ้น ในอีก 10 นาทีที่เหลือ นี่คือสิ่งที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า วันนี้ไม่ใช่วันของพวกเขา และ 2 ประตูที่พวกเขาเสียในช่วงท้ายเกมก็ทำให้ค่ำคืนที่ราชมังคลาฯจบลงอย่างโหดร้าย

นี่คือ 3 สิ่งที่ผมเห็น ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

1. กองหลังฝันกลางวันของไทยยังคงเป็นปัญหาไม่เลิก

ในขณะที่เกมนี้ผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ได้อย่างดีมาก ผมอาจพูดได้ว่าดีที่สุดเลย โดยเฉพาะในครึ่งแรก แต่สิ่งที่ทำให้ทีมไทยแพ้ในหนนี้มาจากความอ่อนแอของแผงหลังของพวกเขาเองเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา

สัญญาณเตือนจากผู้มาเยือนอย่างซาอุฯ แสดงให้เราได้เห็นภายในเเค่ 9 นาที เมื่อพวกเขาขึ้นบอลทางขวาและสลัดหลุดจากการเข้าสกัดของนักเตะไทย แต่อดิศร พรหมรักษ์ ก็ยังมาช่วยเคลียร์ลูกผ่านตัดหลังของ ทาเซอร์ อัล จัสซิม ได้สำเร็จชนิดที่ว่าน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกิน

นาทีที่ 23 ด้วยการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดของผู้มาเยือน ส่งผลให้นาวาฟ อัล อาบิดได้มีโอกาสส่องประตู แม้เจ้าตัวจะทำได้ไม่ดีนักเพราะยิงหลุดกรอบออกไปเยอะ

ทีมซาอุฯยังคงตั้งใจบุกอย่างต่อเนื่องและมาทำได้สำเร็จในนาทีที่ 25 เมื่อบอลถูกยกผ่านแผงกองหลังไทยอย่างง่ายดายจากนาวาฟ ข้ามแนวศรีษะของนักเตะไทยทั้งหมด และเป็นอัล ซาลาวี่ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครขัดขวาง เจ้าตัวดึงบอลลงได้และยิงผ่านกวินทร์ นายทวารเจ้าถิ่นในระยะเเค่ไม่กี่หลา ส่งผลให้ผู้มาเยือนออกนำในที่สุด

ก่อนหมดครึ่งแรกไม่กี่นาที ยอสเซอร์ อัล ชารามนี่ สอดขึ้นมาทางฝั่งขวาและยิงตามน้ำลูกเปิดจากลูกตั้งเตะ เเต่บอลดันผ่านเข้าข้างประตูไปอย่างน่าหวาดเสียว นี่เป็นอีกครั้งที่นักเตะไทยเสียสมาธิให้เห็น และไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนที่ของนักเตะซาอุฯผ่านฟูลแบ็กพวกเขาไป

ผมไม่อาจตำหนิทั้ง 2 ลูกสุดท้ายที่ไทยเสียในช่วงท้ายเกมได้ แน่นอนบอลโลกสำหรับทีมไทยจบลงเเล้ว และมันเป็นผลมาจากการขาดสมาธิ ครั้งเเล้วครั้งเล่าของนักเตะไทยเองนั่นเเหละ

ในขณะที่ฟอร์มการเล่นของนักเตะไทยกำลังดีขึ้นเรื่อยๆในช่วงครึ่งหลัง ทีมไทยเริ่มสร้างความยากลำบากให้ผู้มาเยือนได้ดี ผมอยากบอกว่า ถ้าพวกเขาอยากจะขึ้นมาเป็นทีมหัวแถวของเอเชีย พวกเขาต้องเลิกเสียประตูง่ายๆ(จากการเหม่อ-ฝันกลางวัน) เหมือนอย่างที่ผ่านๆมา

2. กรรมการยังคงเป็นประเด็นที่ไทยกล่าวอ้างเหมือนเคย

ทีมไทยยังคงหวดระเเวงและอยู่ในขั้นวิตกจริตเกี่ยวกับกรรมการ เพราะในเกมเเรกจากการตัดสินที่พวกเขาว่ากันว่าไม่ค่อยยุติธรรมสำหรับพวกเขาเท่าไร เพราะครั้งนั้นที่กรุงริยาด ไทยเองคิดว่าพวกเขาสมควรได้ถึง 2 จุดโทษซึ่งพวกเขาไม่ได้รับมัน และกลับเป็นทีมซาอุฯที่ได้จุดโทษที่พวกเขาไม่ควรจะได้

โค้ชเกียรติศักดิ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมถึงความเหมาะสมในการที่ เอเอฟซี เลือกใช้ผู้ตัดสินจากประเทศบาห์เรนลงทำหน้าที่ในเกมในวันนี้ แน่นอน ฮัสซัน อับราฮีม อัปดุลนาบี้ เอง มาจากตะวันออกกลาง ภูมิภาคเดียวกับผู้มาเยือน โดยที่เกียรติศักดิ์เองพูดดักคอไว้เเต่เนิ่นๆว่า อยากให้จับตาดูการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในวันนี้เป็นพิเศษ และหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบในเกมเเรกเกิดขึ้นกับไทย

การตัดสินที่ค้านสายตาเกิดขึ้นใน 7 นาทีเเรก เมื่อชนาธิป สรงกระสินธ์ ถูกสกัดหนักจากทางฝั่งซ้าย ในขณะที่อับดุลนาบี้เองปล่อยให้เกมเดินต่อ ส่งผลให้แฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงโห่เป็นหนเเรก

แฟนบอลเจ้าถิ่นยังคงผิดหวังต่อ เมื่อในนาทีที่ 20 โอมาร์ ออสมาน ล้มลงดื้อๆจากการเข้าสกัดแบบผิวเผินของธีรศิลป์ แดงดา แน่นอนกรรมการจากบาห์เรนให้ซาอุฯได้ฟาวล์

เปาจากบาห์เรนเป่าฟาวล์อีกครั้งในนาทีที่ 31 จากการเข้าสกัดของธีรศิลป์คนเดิมซึ่งทำให้ อับดุลมาลัก อัล คาบี้ ล้มลง

เสียงนกหวีตดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นไทยที่เสียประโยชน์ เมื่อชนาธิป ผ่านบอลอย่างสวยงามให้ธีรศิลป์ซึ่งกำลังสปีดหนีโมทาด ฮาวซาวี่ก่อนที่รายหลังจะล้มลง โดยช็อตดังกล่าวหากธีรศิลป์สามารถผ่านทะลุเข้าไปได้ เขาจะได้ดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูซาอุฯ แต่ครั้งนั้นกรรมการเห็นว่าศูนย์หน้าจากไทยทำฟาวล์เสียก่อน แฟนบอลเจ้าถิ่นมอบเสียงโห่ให้อีกครั้ง

กรรมการยังคงอยู่ในการจับตาของบรรดาแฟนบอลเจ้าถิ่นต่อเนื่อง เมื่อเจ้าตัวจัดการควักใบเหลืองแรกมอบให้ธีราทรจากการเข้าสกัดนาวาฟ ซึ่งนี่คือการสกัดครั้งแรกของเขา เสียงโห่ดังก้องสนามราชมังฯกดดันให้กรรมการต้องทบทวนการทำหน้าที่ในวันนี้

เเต่ความน่าโมโหก็เปลี่ยนไปในครึ่งหลัง เมื่อทีมไทยเริ่มเล่นได้ดีขึ้นและเริ่มฉายเเววว่ากรรมการเองจะปล่อยเกมให้ไหลลื่นมากขึ้น (หรืออาจเป่าได้ตรงใจแฟนบอลของพวกเขา) ไทยเองดูมีโอกาสจะแก้ตัวเเละทำประตูทีมซาอุฯได้มาก บางทีในขณะที่ทุกคนมองเห็นว่านักเตะไทยทำได้ไม่ดีนักในครึ่งแรกและทำได้ดีในครึ่งหลัง (อาจไม่ได้มาจากกรรมการทั้งหมด) ทีมช้างศึกเองต้องกลับมาทบทวนและพยายามทำให้ดีให้มากขึ้น(แทนที่จะพูดเรื่องกรรมการ) ทำให้ได้ก่อนออกไปเยือนทีมญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้าหากพวกเขาหวังจะมีเเต้มกลับมา

3. สิโรจน์ยังคงฉายเเววเด่นให้เห็น

กองหน้าร่างยักษ์ของทีมอย่าง สิโรจน์ ฉัตรทอง เเสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาพร้อมอย่างมากในการต่อสู้กับทีมซาอุฯหนนี้ เมื่อต้นเกมเจ้าตัวปั่นหัวฮาวซาวี่ ชนิดหัวหมุน และเขาสามารถพาบอลผ่านกองหลังของซาอุฯมากถึง 2 คนทะลุเข้าเขตโทษได้สำเร็จ ก่อนที่บอลจะหลุดเส้นหลังไปเพียงนิดเดียว

นาทีที่ 12 เจ้าตัวเรียกลูกเตะมุมให้ทีมได้สำเร็จ เมื่อสลัดผ่านเเนวรับผู้มาเยือน ก่อนจะเป็นออสเเมนมาสกัดไว้ในช่วงสุดท้าย

หลังจากเกมที่เงียบและตื้อ เจ้าตัวยังคงสร้างสีสันให้ทีมและเล่นแบบเเรงไม่หยุด ชนิดเป็นตัวอันตรายของทีม ครั้งนี้เขาผ่านบอลสวยๆให้ชนาธิป ซึ่งอยู่ในหน้ากรอบเขตโทษ น่าเสียดายที่ชนาธิปเองกลับยิงเบาเเบบเหลือเชื่อ ส่งผลให้โอกาสการได้ประตูของเจ้าถิ่นแทบไม่มี

สิโรจน์เกือบทำสำเร็จเมื่อเขาได้บอลจากธีรศิลป์ ก่อนที่เจ้าตัวจะปั่นโค้งในระยะ 16 หลา เหมือนที่เขาเคยยิงในลักษณะนี้และทำได้ในเกมกับอินโดนีเซีย รอบชิงฯในรายการเอเอฟเอฟปีที่เเล้ว น่าเสียดาย ที่ลูกนั่นหลุดออกเสาไปนิดเดียว

ภัยคุกคามที่น่ากลัวสำหรับผู้มาเยือนอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวยังคงสร้างโอกาสให้ไทยต่อเนื่อง และหนนี้พีระพัฒน์ได้ยิงชนิดน่าจะได้ลุ้นในระยะใกล้ที่สุด แต่เจ้าตัวกลับส่องข้ามคานชนิดไม่ได้ลุ้น สิโรจน์เองมีประสิทธิภาพอย่างมากในการเข้าหาบอลและไปกับบอล แต่สิ่งที่พลาดนั่นคือทีมไทยไม่มีผู้เล่นที่จะมาเชื่อมกันกับเขา และดูเหมือนว่าในหลายครั้งตัวเขาเองจะพาบอลมุ่งหน้าไปในพื้นที่ๆเล่นยากเสมอ

และเป็นโค้ชเกียรติศักดิ์ซึ่งเลือกให้อดิศักดิ์ ไกรษรลงมาทำหน้าที่เเทนในนาทีที่ 68

สิโรจน์เองไม่อาจตอบโจทย์ในการทำประตูสำหรับไทยได้ดีพอ และดูเหมือนว่าเขาอาจไม่ค่อยสมบูรณ์มากนักที่จะเพิ่มมิติการเข้าทำให้แก่ทีมไทย (เมอร์ฟี่เองมองว่าควรต้องมีคนมาช่วยประสานหรือช่วยสิโรจน์ให้มากกว่านี้ หรือไม่ก็อาจเทรนสิโรจน์ให้เป็นเพชฌฆาตศูนย์หน้าให้มากขึ้น คือเน้นจบสกอร์ไปเลย ไม่เน้นลงมาเอาบอล พาไปเลี้ยง พาไปปะทะ ลากเข้าพื้นที่ๆเล่นยากและทีมไม่ได้เปรียบ)

ทีมไทยกำลังต้องการ "อะไรบางอย่างที่เเตกต่าง" ก่อนที่รายการเเข่งขันนี้จะสร้างบาดแผลให้พวกเขามากกว่านี้

-------------------------------------------------------

แปลผิดกราบขออภัยมาล่วงหน้าครับที่มา: http://www.espnfc.com/blog/football-asia/153/post/3088094/siroch-chatthong-shines-despite-thailand-losing-to-saudi-arabia



บทความแนะนำ


เรื่องบนเตียงKatDeLunaเซ็กซ์โปรโมชั่นความรักวัยรุ่นBumกรุ๊ปโออิชิทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก