11 นิสัย การทานอาหารที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพโดยตรง!!
ยิ่งโลกของเรามีความทันสมัย สะดวกสบายมากขึ้นเท่าไหร่
ก็ทำให้เราสามารถเลือกซื้ออาหารได้สะดวกมากยิ่งขึ้นไปด้วย
เพราะแค่เราเดินไปหน้าปากซอยก็เจอร้านสะดวกซื้อต่างๆ
หรือเพียงแค่โทรสั่งอาหารก็ส่งมาให้ถึงบ้านเลย แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่า
การที่เรากินแต่พวกอาหารแช่แข็งหรืออาการสำเร็จรูปอย่างเดียวไม่ดีต่อร่างกายของเราเลยนะ
และมีหลายหน่วยงานด้วยกันที่ได้ทำการวิจัย
ก็ทำให้พบว่าพฤติกรรมการทานอาหารของคนเราเปลี่ยนแปลงไปมากจากในอดีต
ทำให้น่าเป็นกังวลอย่างสุดขีดเกี่ยวกับสุขภาพ ที่รับรองเลยว่าไม่ดีแน่นอน?ยุคสมัยเปลี่ยน การกินอาหารของเราก็เปลี่ยน
1. เราบริโภคน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นแบบติดจรวด ในช่วง 160 ปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะคนในแถบประเทศตะวันตก ซึ่งเฉลี่ยโดยรวมแล้วเรารับประทานน้ำตาล
500 แคลอรี่ต่อวัน และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุของโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
และยังรวมถึงโรคมะเร็งอีกด้วย2. อัตราการดื่มน้ำอัดลมและน้ำหวานรสผลไม้ เพิ่มสูงขึ้น
น้ำผลไม้ที่บรรจุวางขายกันทั่วไป หลายๆ
คนอาจจะคิดว่ามันมีประโยชน์เหมือนน้ำผลไม้สด
แต่ในความเป็นจริงแล้วประกอบไปด้วยน้ำตาลและสารให้ความหวานที่สูงมาก
อาจจะไม่ต่างกันกับน้ำอัดลมเลยด้วยซ้ำ
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเป็นโรคอ้วนตามมานั่นเอง3. ตั้งแต่ปี 1970 คนเราบริโภคมากขึ้นประมาณ 400 แคลอรี่ต่อวัน
จากกราฟจะเห็นได้ชัดว่าเราบริโภคในปริมาณที่มากขึ้น
และรับแคลอรี่ต่อวันมากขึ้น เป็นผลมาจากอาหารสำเร็จรูป
ที่มีน้ำตาลและไขมันสูงขึ้นนั่นเอง4. ปริมาณการบริโภคน้ำมันพืชสูงจนน่าตกใจ
ถึงแม้ว่าจะมีความเชื่อเรื่องการบริโภคน้ำมันพืชดีกว่าน้ำมันจากสัตว์
แต่ก็มีข้อมูลที่พบว่าน้ำมันพืชหากบริโภคมาก
ก็ส่งผลต่อโอกาสเกิดโรคหัวใจที่มากขึ้นเช่นกัน5. คนบริโภคเนยน้อยลง ขณะที่บริโภคมาการีนเพิ่มขึ้น
สงครามระหว่างเนยและมาการีน ยังคงดำเนินต่อไป
ซึ่งมาการีนนั้นประกอบด้วยไขมันทรานส์ ที่ส่งผลต่อโรคหัวใจ
ยังดีที่ช่วงหลังผู้คนเริ่มรับรู้ และหันกลับมาบริโภคเนยจริงๆ มากขึ้น6. ใช้น้ำมันถั่วเหลือง เป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหาร
ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา จำนวนน้ำมันพืชต่างๆ ที่คนใช้ประกอบอาหาร
ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดคอตตอน ข้าวโพด มะพร้าว หรือมะกอก
พบว่ามีคนนิยมใช้ถั่วเหลืองมากที่สุด7. ข้าวสาลียุคใหม่ มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยลง
ข้าวสาลีสายพันธุ์ใหม่
ที่ปลูกง่ายและทนทานโรคกว่าสายพันธุ์เก่าถูกเผยแพร่ในราวปี 1960
ทำให้อุตสาหกรรมเกษตรนั้นสามารถทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น
แต่ก็ตามมาด้วยคุณค่าทางอาหารที่น้อยลง ได้แก่ แม็กนีเซียม เหล็ก ซิงค์
ที่ลดลงกว่าแบบเก่าถึง 19-28%8. ผู้คนหันมาบริโภคไข่น้อยลง
ข้อมูลจากในช่วงปี 1950-2007 รายงานว่าคนอเมริกัน
บริโภคไข่น้อยลงจากประมาณ 380 ฟองต่อคนต่อปี เหลือเพียงประมาณ 255
ฟองต่อคนต่อปี ยังดีที่เพิ่มขึ้นมาจากช่วงปี 1995 ที่ราวๆ 225
ฟองต่อคนต่อปี แต่ยังถือว่าเป็นจำนวนทีน้องลงอยู่ดี9. เราเริ่มบริโภคอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น
เมื่อยุคสมันเปลี่ยนไป ก็ทำให้คนนิยมทานอาหารทำเองที่บ้านน้อยลง
และบริโภคอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของอาหารฟาสฟู๊ด
ที่เพิ่มขึ้นมากกกว่า 25% เลยทีเดียว10. กรดไขมันในน้ำมันพืชยุคใหม่ ไม่เหมาะกับร่างกายเรา
น้ำมันพืชยุคใหม่ประกอบด้วยไขมันโอเมก้า 6 ซึ่งมีชื่อว่า Linoleic Acid
มีข้อมูลว่าอาจจะเป็นพิษกับร่างกาย ทำลายโครงสร้าง DNA
และเป็นสาเหตุของการเป็นโรคมะเร็งมากกว่าน้ำมันพืชแบบเก่ามากอีกด้วย11. คำแนะนำการบริโภคอาหารไขมันต่ำ มาพร้อมกับการเป็นโรคเบาหวาน
เนื่องจากมีข้อแนะนำด้านโภชนาการด้านการบริโภคอาหารไขมันต่ำเผยแพร่มาในปี
1977
แต่ก็กลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตนำเสนออาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูงมาแทนที่
ส่งผลทำให้ผู้คนเริ่มเป็นโรคเบาหวานกันมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในหมู่คนอเมริกันนั่นเอง?????????????????
ที่มา :businessinsider