ญาติเสียใจ คดีปิดซอยฆ่าไม่คืบ ตำรวจทำคดีอย่างช้า หวั่นลูกตำรวจหลุดคดี
คดีแก๊งวัยรุ่นปิดซอยบุกฆ่าคู่อริไม่คืบหน้า
ญาติโวยตำรวจเตรียมการหาหลักฐานช้า หวั่นคดีพลิก
กลัวผู้ต้องหาที่เป็นลูกตำรวจรอดพ้นคดี ด้านวัยรุ่นเพื่อนผู้ตายเผย
เคยโดยแก๊งนี้บุกมาทำร้ายมาก่อน แต่ตำรวจไกล่เกลี่ยจนต้องยอมความ
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2560 จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นพกพาอาวุธปืนและมีด
บุกเข้าไปในซอยเพชรหึงษ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อปิดซอยเพื่อทำร้ายคู่อริ
ในวันที่ 3 มีนาคม 2560 จนเป็นเหตุให้มีเด็กวัยรุ่นชื่อนายเร
ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และนายวัชรเขต ศรีใจคำ หรือ ก้อง ถูกยิงเสียชีวิต
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับกลุ่มวัยรุ่นผู้ต้องหา
โดยสามารถตามจับกุมได้แล้ว 10 คน และมีการออกหมายจับอีก 4 คนเพิ่มเติม
ล่าสุดมีการรายงานว่า
นายโชติ เด็กวัยรุ่นที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับนายเร
และนายก้องผู้เสียชีวิต ได้ออกมาเปิดเผยว่า
ในวันเกิดเหตุแก๊งวัยรุ่นคู่อริมีเป้าหมายต้องการจัดการกับนายเรคนเดียว
โดยก่อนหน้านี้ตนกับนายเร เคยมีเรื่องบาดหมางกับแก๊งวัยรุ่นแก๊งนี้มาก่อน
เมื่อในปี 2559 กลุ่มวัยรุ่นคู่อริแก๊งนี้
เคยบุกเข้าซอยมาตามล่าพวกตนมาแล้ว
ในครั้งนั้นตนได้รับบาดเจ็บถูกแทงเข้าที่ศีรษะแต่รอดมาได้
ส่วนนายเรก็รอดชีวิตมาได้เช่นกัน
นายโชติเล่าเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดเหตุในปี 2559
กลุ่มของตนและกลุ่มคู่อริได้เดินทางไปที่โรงพัก
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการไกล่เกลี่ยให้พูดคุยกัน จนสุดท้ายก็ยอมความ
แยกย้ายกันไปโดยที่ไม่มีการแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีแต่อย่างใด
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2560 นั้น
พ่อของนายก้องผู้เสียชีวิตพร้อมด้วยญาติของนายเรที่ได้รับบาดเจ็บ
ได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรพระประแดงเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี
แต่กลับไม่พบความคืบหน้ามากนัก
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานเป็นปลอกกระสุนปืนจำนวนแค่ 2 ปลอก
ทั้งที่หลักฐานกล้องวงจรปิดต่าง ๆ
ในวันเกิดเหตุแสดงให้เห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นคนร้ายได้บุกเข้ามาปิดทั้งหัวซอยท้ายซอยเพื่อรุมยิง
จึงไม่น่าจะมีการยิงแค่เพียง 2 นัด
พ่อของนายก้องจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
เพราะถึงแม้ผู้ต้องหาจะถูกจับกุมได้แล้วจำนวน 10 คน
อีกทั้งยังมีการออกหมายจับเพิ่ม
แต่เนื่องจากมีลูกตำรวจอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา
อีกหลักฐานในที่เกิดเหตุมีเพียงแค่กระสุน 2 ปลอก
แล้วถ้าหากคดีดำเนินไปถึงชั้นศาล ผู้ต้องหาอาจจะรอดตัวไปได้
ภาพและข้อมูลจาก รายการทุบโต๊ะข่าว