สุดสะเทือนใจ ! เผยคลิปแม่ร่ำไห้ปานขาดใจ "ลูกหูหนวก" ติดคุกต่อ หลังศาลยกคำร้อง !

อ่าน 10,002

ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องคดีหนุ่มหูหนวกตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า ผลจำคุกต่อ ด้านแม่ทรุดตัวร่ำไห้ปานขาดใจ ครวญ "ถ้าเป็นครอบครัวคุณจะคิดยังไง ลูกไม่ผิดต้องมาติดคุก"

วันที่ 11 เม.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลจังหวัดสิงห์บุรี ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องในคดีที่ นายพัสกร สิงคิ อายุ 28 ปีชาวตำบลบ้านจ่า อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น เมื่อปี 2551 ซึ่งมีความบกพร่องทางการได้ยิน หูหนวก ตามพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 ทำให้นายพัสกรต้องถูกจำคุกต่อ หลังก่อนหน้านี้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปี โดยทันทีที่ทราบคำตัดสินของศาล ทำให้ครอบครัวของนายพัสกรและบรรดาญาติๆ ร้องไห้กันระงม มารดาของนายพัสกรถึงกับทรุดเข่าอ่อน เผยสู้มาเป็น 10 ปี ความหวังพังทลาย ไม่สามารถช่วยลูกได้ พร้อมกล่าวว่า "ถ้าเป็นครอบครัวคุณจะคิดยังไง ลูกต้องมาติดคุก"

(ภาพจาก workpointtv )

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปี โดยพ่อแม่ของผู้ต้องขังไม่เชื่อว่าลูกชายกระทำผิดจริง จึงมายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรม จนกระทั่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบพยานหลักฐานใหม่ ภายหลังศาลรับรื้อฟื้นคดี นายพัสกรได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลังติดคุกระหว่างการพิจารณาคดีนาน 5 ปี สำหรับพยานหลักฐานใหม่เป็นประจักษ์พยานผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งได้เข้าให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 ราย ส่วนอีก 1 รายยังหลบหนีการจับกุม นอกจากนี้ ยังพบวัตถุพยานที่ยืนยันว่า นายพัสกรไม่ใช่คนร้ายตัวจริง

นายคมหาญ ไปสุวรรณ์ ทนายความของนายพัสกร สิงคิ

นายคมหาญ ไปสุวรรณ์ ทนายความของ นายพัสกร สิงคิ ได้กล่าวว่า ในประจักษ์พยานที่ทางเรามีเป็นหลักฐานใหม่ ศาลฎีกาท่านไม่เชื่อถือในเรื่องที่ผู้ต้องหาตัวจริงที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ไปสืบและจับตัวมาได้ ท่านว่าอาจมีผลประโยชน์ก็ได้ เพราะทางผู้ต้องหาได้พบกับนายพัสกรในเรือนจำ จึงทำให้ศาลเชื่อว่านายพัสกรน่าจะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้ แต่นายพัสกรได้รับโทษมา 1 ใน 3 เข้าข่ายพักโทษได้แล้ว การต่อสู้ในคดีนี้ นายพัสกรสู้เพื่อต้องการพิสูจน์ตัวว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การตัดสินนี้ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด เพราะการรื้อฟื้นคดีอาญา ผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิ์ได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น แต่นายพัสกรก็คงภูมิใจที่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว สุดท้ายคือเคารพในการตัดสินของศาล

ด้าน นายสมชาย-นางเสนาะ สิงคิ บิดาและมารดาของนายพัสกร หลังจากที่ได้ฟังคำพิพากษาจบแล้วถึงกับร้องไห้โฮ ล้มตัวหมดแรง กว่าญาติจะพยุงออกมาจากห้องพิจารณาคดีได้กว่าครึ่งชั่วโมง โดยกล่าวทั้งน้ำตาว่า ได้ต่อสู้มาจนสุดตัวแล้วซึ่งมีเพื่อนบ้านมามอบช่อดอกไม้ร่วมให้กำลังใจให้ดำเนินชีวิตสู้ต่อไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำศาลได้ควบคุมตัวนายพัสกร ไปยังห้องควบคุมเพื่อส่งไปยังเรือนจำต่อไป โดยคดีดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2551 ขณะที่นายพัสกรไปงานเลี้ยงฉลองงานบวช หลังจากนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกันที่บริเวณนอกสถานที่จัดงาน พร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่จนมีผู้เสียชีวิต ต่อมาตำรวจได้เข้าจับกุมนายพัสกรในความผิดข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุก 20 ปี จนเมื่อวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2556 นายธิตินัย พาติกบุตร เจ้าพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย นายคมหาญ ไปสุวรรณ์ ทนายความของนายพัสกรได้เข้ายื่นหนังสือต่อศาลจังหวัดสิงห์บุรีเพื่อขอให้รื้อคดีขึ้นมาใหม่ โดยอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดี ซึ่งถ้าได้นำมาสืบในคดีอันถึงที่สุดนั้นจะแสดงว่า นายพัสกรไม่ได้กระทำความผิด จนนำมาสู่การตัดสินคดีเป็นที่สิ้นสุดในวันนี้

บรรยากาศก่อนศาลพิพากษา

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ดุษฎี ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีของ นายพัสกร ถือเป็นคดีตัวอย่างคดีแรกในประเทศไทย ที่จะมีคำพิพากษาหลังศาลมีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีอาญา และเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม โดยในอนาคตผู้ทำคดีต้องใช้ความระมัดระวังและความรอบคอบในการแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนสรุปสำนวนสั่งฟ้อง ทั้งนี้ เพื่อให้ความยุติธรรมกับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะผู้ฟ้องคดีต้องยอมรับในปัญหาและข้อบกพร่องของตนเอง เพราะการนำคนที่ไม่ได้กระทำความผิดมาขังคุกนาน 5 ปี เป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานของผู้ตกเป็นเหยื่อและครอบครัว แม้จะได้รับการเยียวยาตามกฎหมายแต่แทบจะไม่มีความหมาย เพราะได้รับเงินเยียวยาการติดคุกวันละ 300 บาท ไม่คุ้มกับโอกาสในชีวิตที่ต้องสูญเสียไป



บทความแนะนำ


แต่งตาEyesMakeupภัยแล้งเกษตรประสบความสำเร็จรักระยะไกลความสัมพันธ์ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก