หนีกรุงเที่ยวเมืองกาญ เสพธรรมชาติหน้าฝนสุดฟิน!!

อ่าน 12,653

ใครว่าเข้าหน้าฝนแล้วจะไปออกเที่ยวไม่ได้...เลยขอจัดทริปสั้นๆ ชวนเพื่อนไปเที่ยวเสพธรรมชาติหน้าฝนกันที่กาญจนบุรี ต้องบอกก่อนเลยว่าจังหวัดนี้มีที่เที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ภูเขา แม่น้ำ เรียกได้ว่าใครอยากพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติต้องมาที่นี่เลยค่ะ ว่าแล้วก็ยื่นใบลา จองที่พักแล้วเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันเลย....

เนื่องจากจัดทริปกระทันกันเราเลยเดินทางกันด้วยรถยนต์ส่วนตัวโดยใช้เส้นทาง ปิ่นเกล้า ?พุทธมณฑล-นครชัยศรี-นครปฐม-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี-ไทรโยค และเดินทางไปจนถึง ท่าเรือพุตะเคียน หรือท่าเรือรีโซเทล ระยะทางรวม 195 กม.

(คลิกอ่าน ข้อมูลการเดินทางไปกาญจนบุรี ด้วยรถโดยสาร รถตู้ รถไฟ และรถยนต์ส่วนตัว)

Day1 : บ้านสิทธิสังข์-สะพานข้ามแม่น้ำแคว-River Kwai Jungle Rafts

เราออกเดินทางจากหอพักตอน 8.30 น. เนื่องจากเผื่อเวลาแวะเที่ยวกลางทางก่อนเข้าที่พัก โดยแวะเติมน้ำมัน 1,000 บาท แล้วมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีกันเลยค่ะ ....

ระหว่างทางไปกาญจนบุรีมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเลยนะค่ะ สามารถแวะเที่ยวได้ตลอดเส้นทางเลย (คลิกอ่าน รวมที่เที่ยวกาญจนบุรี ไม่ไปเยือนเหมือนไปไม่ถึงกาญจน์)

จุดมุ่งหมายแรกที่เราแวะคือ ร้านกาแฟ ?บ้านสิทธิสังข์? ซึ่งอยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรีบนถนนปากแพรก เป็นร้านอาหารและร้านกาแฟสุดเก๋ สไตล์โคโรเนียนที่มีอายุมากกว่า 90 ปีเลยล่ะค่ะ

บรรยากาศน่านั่งมากๆ แถมยังมีเบเกอรี่และเครื่องดื่มมากมายให้เราเลือก งั้นสั่งเมนูลองท้องกันก่อนเลย เค้กมะพร้าวอ่อน 70 บาทลาเต้เย็น 40 บาทลาเต้ร้อน 35 บาท รวม 145 บาท

(คลิกอ่าน รวมร้านกาแฟน่านั่ง ในเมืองกาญจนบุรี)

จากนั้นเดินทางกันต่อสู่ ?สะพานข้ามแม่น้ำแคว? ซึ่งเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเรียกได้ว่าใครมาเที่ยวกาญจนบุรี ต้องแวะมาถ่ายรูปสถานที่แห่งนี้ให้ได้เลย เราชอบมากๆ เพราะวิวสวยเห็นทั้งแม่น้ำและภูเขา ถ้ามาช่วงเย็นๆ คงฟินน่าดูเลยละค่ะ

มัวแต่ชื่นชมกับวิวของสะพานข้ามแม่น้ำแคว จนเพื่อนต้องสะกิดให้เดินทางต่อ เพราะกลัวจะไม่ทันเรือเข้าที่พัก งั้นมุ่งหน้ากันต่อที่ อ.ไทยโยค โดยให้สังเกตุทางเข้าท่าเรือพุตะเคียน หรือท่าเรือรีโซเทล ตั้งอยู่ที่หลักกิโลเมตรที่ 56 บนถนนสาย 323 และเลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมู่บ้าน อีก 2 กม. ซึ่งท่าเรือนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 65 กิโลเมตรค่ะ

ขอบแผนที่จากคุณภาพจาก : https://reservation.travelanium.net/

ทริปนี้เราเลือกพักกันที่ ?ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์? เพราะเป็นรีสอร์ทลอยน้ำริมแม่น้ำแควน้อย เเนว SLOW LIFE ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ แต่ทางเข้าอาจจะลำบากนิดนึง เพราะต้องจอดรถไว้ที่ท่าเรือรีโซเทล แล้วต่อเรือไปยังที่พัก ซึ่งมี 2 แบบให้เลือก คือแบบเช่าเหมาทั้งลำ 800 บาท / เที่ยว หรือ เรือหางยาวบริการฟรี จะออกทุก 30 นาที จนถึง 18.00 น. ของทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-25 นาที

และแล้วก็ถึงที่พัก...ขอบอกเลยว่าตะลึงกับความสวยงามของที่พักท่ามกลางธรรมชาติแห่งนี้มาก และด้วยความโชคดีตอนที่เราจองที่พัก เราได้ส่วนลด 40% จากราคา 4,700 บาท เหลือ 2,820 บาท พร้อมอาหารเช้า-เย็น กิจกรรมเที่ยวหมู่บ้านมอญและให้อาหารช้าง สามารถเช็คอินได้ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. และเช็คเอาท์ 8.00-12.00 น. ที่นี่จะมี welcome drink เป็นชาหรือกาแฟคอยต้อนรับด้วยถือว่าทริปนี้คุ้มมากๆ เลยค่ะ

อ้อ..ลืมบอกไปค่ะว่าที่ ?ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์? ไม่มีการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืน ดังนั้นผู้เข้าพักทุกคนจะได้รับตะเกียงน้ำมันก๊าด สำหรับใช้ในเวลากลางคืนค่ะ ร่ายมาซะยาวได้เวลาเข้าที่พักเก็บกระเป๋าแล้วค่ะ

มาดูห้องพักกันเลย...ที่นี่มีให้เลือกทั้งเตียงเดี่ยว/คู่ ห้องน้ำส่วนตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเลยค่ะ สามารถนอนชิลล์ชมวิวแม่น้ำแควได้จากห้องพัก หรือจะออกมานั่งเล่นด้านนอกก็ฟินไปอีกแบบ

แต่ที่เราชอบคือมีเปลหน้าห้องพัก สามารถนอนเล่นได้อย่างสบายๆ แถมยังเล่นน้ำได้จากหน้าห้องพักเลยค่ะ ฟินไหมล่ะ...

หรือสำหรับใครที่มาเป็นแก๊งค์แล้วอยากจะล่องแพที่นี่เขาก็มีบริการค่ะ ราคา 1,800 บาทต่อลำ ไม่เกิน 5 ท่าน

เล่นน้ำจนเหนื่อยแล้วก็ได้เวลาอาหารมื้อค่ำแล้วล่ะซึ่งจะเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-20.30 น.โดยอาหารจะจัดเป็นชุด 5 อย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยและมอญพื้นบ้าน สามารถเติมได้ตลอดเวลาค่ะ

หลังจากทานมื้อค่ำแล้วหากใครยังไม่อยากเข้าห้องพัก ก็สามารถไปดูการแสดงรำมอญได้ด้วย ค่าเข้าชม 160 บาท/ท่าน แต่เราและเพื่อนขอเข้าห้องพักไปนั่งรับลมชิลล์ๆที่ห้องพักดีกว่า

บรรยากาศยามค่ำคืนก็สวยไปอีกแบบ...เรียกได้ว่ามาแล้วไม่ผิดหวังเลยล่ะ

(คลิกอ่าน รวมที่พักนอนแพริมน้ำ กาญจนบุรี)

Day2 : หมู่บ้านมอญ-น้ำตกไทรโยคน้อย-ครัวผักหวานบ้าน-เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124

เช้านี้ตื่นมาพร้อมอากาศที่สดใส นั่งเล่นริมน้ำสักพักก็ปลุกเพื่อนไปอาบน้ำ เพื่อไปทานอาหารเช้า สามารถไปทานได้ตั้งแต่เวลา 07.00-09.00 น. นะค่ะ

เรารีบทานกันเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจกจะไปเที่ยวกันต่อที่ ?หมู่บ้านมอญ?

ซึ่งหมู่บ้านมอญ จะอยู่ด้านข้างๆ ที่พักภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเรือนของคนในชุมชน โรงเรียน วัดมอญ เจดีย์ชเวดากององค์จำลอง และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเราชอบมากๆ ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนมอญด้วย

ระหว่าทางกลับลงแพ เราสามารถให้อาหารช้างได้ด้วยน๊าาาาา....

ได้เวลาเก็บกระเป๋ากลับอีกแล้ว...อยากอยู่ต่อแบบยาวๆ เพราะบรรยากาศและกิจกรรมของที่นี่มันฟินมาก ใครมาเที่ยวกาญจนบุรีแนะนำให้มาเลยค่ะ

ระหว่างทางกลับขอแวะเที่ยวน้ำตกกันต่อสักหน่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง ?น้ำตกไทรโยคน้อย? เป็นนน้ำตกชั้นเดียวที่สวยงามมากๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน บริเวณริมน้ำตกมีร้านอาหารให้นั่งพักผ่อนด้วยนะค่ะ เหมาะที่จะไปนั่งเล่นชิลล์ๆๆ

นั่งพักริมน้ำตกกันจนเพลิน ท้องร้องจ๊อกๆๆ เลยชวนเพื่อนขับรถหาของอร่อยทานกันที่รา ?ครัวผักหวานบ้าน? เป็นร้านอาหารท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศสบายๆ รับลมเย็นๆ ด้วความที่หิวโหยเลยสั่งกันรัวๆ ผัดผักหวานไฟแดง 120 บาท ยำผักหวานรวมมิตร 120 บาท ต้มยำปลาคัง 150 ข้าว 2 จาน+น้ำ 30 บาท รวม 450 บาท

(คลิกอ่าน รวมร้านน่ากินในกาญจนบุรี วิวดี น่าพาแฟนไปสวีทในวันหยุด)

ระหว่างทางกลับเพื่อนตัวดีดันเล่นโทรศัพท์แล้วเจอที่เที่ยวเปิดใหม่ ?เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124? เอาไงล่ะ...ไหนๆ ก็มาแล้วเลยชวนกันแวะเที่ยวมันซะเลย เพราะอยู่เส้นทางที่เราจะกลับพอดี

ที่นี่เป็นที่เที่ยวแบบย้อนยุคที่คุณจะได้เห็นวิถีชีวิตในแบบเดิมๆ ของไทย ของกินอร่อยๆ ที่หากินยาก และการสาธิตวิธีทำอาหารในแบบเก่าแก่ รวมถึงมีมุมถ่ายภาพสวยๆ

ซึ่งเสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 250 บาท ,เด็กและผู้สูงอายุ120 บาท