แห่แชร์ภาพเด็กน้อยเลียนแบบท่ามีเพศสัมพันธ์-แพทย์ชี้สื่อก็มีส่วน
โลกออนไลน์จวกภาพเด็กน้อยเลียนแบบท่าทางมีเพศสัมพันธ์
ซัดคนโพสต์เอามาลงทำไม นอกจากไม่ช่วยแล้วยังประจานเด็ก ด้านแพทย์ชี้
สื่อก็มีส่วน เพราะบางคนเลี้ยงลูกด้วยแท็บเล็ต
พร้อมแนะพ่อแม่สอนลูกเรื่องเพศตั้งแต่เด็ก อย่ามองว่าชี้โพรงให้กระรอก
วันที่ 23 พฤษภาคม 2560 เฟซบุ๊ก ข่าวอุบัติเหตุเตือนภัยและอาชญากรรม Chon Buri
ได้โพสต์ภาพที่เผยให้เห็นเด็กชาย-หญิง วัยประมาณอนุบาล กำลังกอดกัน
และมีการถอดกางเกง กอดรัดกันเลียนแบบท่าทางคล้ายการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ใหญ่
โดยเพจดังกล่าวเขียนข้อความกำกับว่า.
"#ควรใช้วิจารญาณในการชมเด็กต่ำ 13+ ควรได้รับคำแนะนำ....
เด็กทุกวันนี้มันขนาดนี้แล้วเหรอ
คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องหันมาดูแลลูกแล้วนะ อย่าให้ดูมากมือถือนะ มันม
ตัวอย่างแย่ ๆ แบบนี้ เอามาฝากเอามาเตือนเห็นแล้วเศร้าเลย @อ้อม
ทีเอฟอาชลบุรี"
ขณะผู้ที่ได้เห็นภาพดังกล่าว ระบุว่า
ผู้ใหญ่ไม่สมควรนำภาพดังกล่าวมาลงโซเชียลมีเดีย
เพราะมีหลายวิธีที่จะห้ามไม่ได้เด็กมีพฤติกรรมดังกล่าว ทั้งการตะโกนห้าม
มองว่าเด็กก็คือเด็ก ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
หลายสื่อก็นำเสนอจนเด็กอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
ด้านเพจดัง แหม่มโพธิ์ดำ ก็ได้ออกมาเตือนว่า ให้หยุดการแชร์ภาพของเด็กทั้งสอง
เนื่องจากเป็นการทำอาจาร ที่เด็กทำไปเพราะไม่รู้
แทนที่จะไปทักท้วงคนโพสต์แต่กลับส่งต่อ นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว
ยังเป็นการประจานเด็กอีกด้วย
พร้อมทั้งมีข้อกฎหมายที่เอาผิดคนโพสต์คนแชร์ที่มีความผิดสูงสุด จำคุก 7 ปี
หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ พญ.อังคณา
อัญญมณี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลมนารมย์
ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวเรา ว่า
จะเห็นว่าเด็กปัจจุบันนี้โตเกินวัย เด็กอยู่ในในโลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
พ่อแม่ซื้อมือถือให้คนละเครื่อง เลี้ยงลูกด้วยแท็บแล็ต
อีกทั้งสื่อทุกวันนี้นำเสนอเนื้อหาสุ่มเสี่ยง
และเด็กชั้นประถมสมัยนี้ก็เริ่มคุยกับเพื่อนเรื่องเพศสัมพันธ์แล้ว
บางทีเด็กอาจไปดูคลิปโป๊ แล้วทำให้เกิดการเลียนแบบพฤติกรรมได้
ทั้งนี้
อันดับแรกพ่อแม่ควรให้ความรู้เรื่องเพศศึกษากับลูกตั้งแต่ยังเล็ก
อยากให้สังคมไทยมองมุมใหม่ ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอก อยากให้พ่อแม่เปลี่ยนทัศนคติ
ให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่จำเป็นต้องให้ความรู้กับลูกเสียแต่เนิ่น
ๆ เพื่อให้ลูกเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ในเรื่องเซ็กส์
เพราะหากเราไม่บอกในสิ่งที่ลูกสงสัย
ลูกก็คงหาคำตอบด้วยตัวเองจากเพื่อนและสื่อต่าง ๆ
ซึ่งอาจยิ่งเร้าอารมณ์และเกิดความเสี่ยงมากขึ้น
อีกทั้งควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
พาลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นไม่ให้หมกมุ่นกับสื่อต่าง ๆ มากเกินไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ข่าวอุบัติเหตุเตือนภัยและอาชญากรรม Chon Buri,แหม่มโพธิ์ดำ