เซลฟี่เปรี้ยวพ่นพิษ ห้ามตำรวจแชร์ภาพแก๊งฆ่าหั่นศพ

อ่าน 9,195

หลังจากที่โซเชียลมีการเผยแพร่ภาพกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในอิริยาบถต่างๆ เช่น ภาพพอกหน้าก่อนนอน, ภาพชู 2 นิ้ว รวมถึงถ่ายภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในอิริยาบถที่ผ่อนคลาย ระหว่างถูกควบคุมอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึง แนวทางปฏิบัติต่อผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ในการประชุม ศปก.ตร.ครั้งที่ 155/2560 ทาง พล.ต.อ.กวี สภานันท์ ที่ปรึกษา (สบ 10) มีคำสั่งกำชับทุกหน่วยให้แจ้งข้าราชการตำรวจสังกัดทุกนายทราบ โดยให้พึงระวัง/ หรือไม่กระทำการใดๆ เช่น การถ่ายภาพ/วิดีโอ เผยแพร่ แชร์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดี แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นเข้าสู่สังคมออนไลน์ หรือส่งต่อให้บุคคลอื่น เนื่องจากมีกรณีการกระทำในลักษณะดังกล่าว (ถ่ายภาพผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพในอิริยาบถต่างๆ) จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของข้าราชการตำรวจทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมากว่า เป็นการกระทำที่ไม่สมควร/ไม่เหมาะสม

จึงขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายพึงระลึกไว้เสมอว่า การทำงานของข้าราชการตำรวจต้องมีความเป็นกลาง มีจิตสำนึกว่าการกระทำใดๆ จะสร้างความเสียหายให้แก่องค์กร/ หน่วยงานตนเองหรือไม่

ด้าน พล.ต.อ.เดชณรงศ์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่าหรือใหม่ โดยต้นสังกัดได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเพราะเป็นจิตวิทยาเพื่อผ่อนคลาย ที่จะทำให้ผู้ต้องหาเปิดเผยข้อมูล เช่น ผู้ต้องหามีการรับสารภาพเพิ่มเติมว่ามีผู้ต้องหาชายอีก 1 คน ที่ร่วมในการฆ่าหั่นศพด้วย

ส่วน พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ ผกก.ตม.จ.เชียงราย กล่าวว่า ภาพที่ปรากฎดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของจิตวิทยา เพื่อให้ผู้ต้องหาลดแรงกดดันลง และเนื่องจากผู้ต้องหาในคดีนี้ไม่ได้ถูกจับกุมได้ขณะหลบหนี แต่เป็นการติดต่อเข้ามอบตัว และทางการเมียนมาได้ส่งมอบตัวมาให้ด้วยดี จึงเป็นเรื่องอนุโลมที่ไม่ต้องใส่กุญแจมือก็ได้ และเนื่องจากเป็นผู้ที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก จึงต้องลดแรงกดดันในตัวเขาลงด้วยการให้นอนในสำนักงานของเจ้าหน้าที่ แต่ให้นอนบนพื้น และมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมถึง 5 คน ตลอด 7-8 ชั่วโมง เพราะถ้านำไปคุมขังในห้องขังร่วมกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ อาจจะกดดันจนเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย

การแต่งหน้าของผู้ต้องหา พบว่า เป็นแป้งทานาคาที่นิยมกันอยู่แล้วในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และผู้ต้องหาคงนำติดตัวมาทา ซึ่งไม่อาจไปห้ามปรามได้เพราะเป็นผู้หญิง รวมทั้งเห็นว่าไม่ได้มีผลใดๆ ต่อความเป็นอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ได้ประสานงานและควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหลักกฎหมายทุกอย่าง จึงยืนยันในการทำงานอย่างเต็มที่



บทความแนะนำ


อุบัติเหตุแอพWalkSiPHเมาแล้วขับเทคโนโลยีทายนิสัยผ้าพันคอเนคไททรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก