สาวสุดช็อค!! ผ่าตัดนิ่ว แต่ไตหายไป 1 ข้าง!!? แพทย์สารภาพผ่าตัดผิด ชดใช้ 4แสน หากอยากได้มากกว่านี้ให้ไปที่ศาล

สำนักข่าว อัมรินทร์ทีวีรายงานว่า สาวป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคถุงน้ำดี ต้องรับการผ่าตัด แต่สุดช็อค!! พบว่าไตหายไปด้วย 1ข้าง ร้องเรียน รพ.รักษาผิดพลาด โดยคนไข้ชื่อ น.ส.สงกรานต์ แสนทวีสุข อายุ 35 ปี ปวดท้องจึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร โดยหมอวินิจฉัยว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 2 ก้อน ต้องรับการผ่าตัด แต่ต้องช็อคเพราะไตหายไป 1 ข้าง?

โดยนายแพทย์เจ้าของไข้ ยอมรับว่า เกิดความผิดพลาด "ผมยอมรับว่าผมตัดผิด" ซึ่งไปตัดไตข้างขวาออกระหว่างผ่าตัด และต้องนอนพักฟื้น อยู่ในภาวะเฉียดตาย ท้องโตราวกับตั้งครรภ์ เพราะมีปริมาณน้ำในช่องท้องมากถึง 5 ลิตร ต้องเจาะ และเย็บแผลผ่าตัดจำนวน 49 เข็ม ใช้ชีวิตอย่างทรมาน ขณะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนที่เข้ารับการรักษา ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบในความผิดพลาดใดๆ

น.ส.สงกรานต์ เล่าให้ฟังว่า เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2559 ตอนนั้นมีอาการปวดท้อง ครั้งแรกแพทย์ระบุว่าเป็นโรคกระเพาะ พอได้รับการรักษาอาการปวดท้องยังไม่ทุเลาลง จึงทำการอัลตร้าซาวด์ผลออกมาว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 2 ก้อน ตัดสินใจใช้สิทธิประกันสังคมผ่าตัด แต่หลังผ่าตัดยังเจ็บปวดทรมาน ปวดท้องร้าวไปถึงแผ่นหลังนอนหงาย นอนราบไม่ได้เลย ต้องรับทานยาแก้ปวดตลอด จนวันสุดท้ายที่จะออกจากโรงพยาบาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล มาถามว่า "ตอนเด็กๆ เคยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลไหม เคยผ่าตัดมาก่อนหรือเปล่า" ตนก็บอกว่า "ไม่เคย" และผู้อำนวยการโรงพยาบาลยังบอกอีกว่า "รู้ไหมไตคุณเหลือข้างเดียวนะไตคุณฝ่อน่าจะเป็นมาตั้งแต่เด็กหมอได้ทำการผ่าตัดออกแล้วนะเพราะมันฝ่อมีผังผืดตัดออกไปตรวจหาเนื้อร้าย แต่โชคดีนะที่ทุกอย่างปกติดี"

น.ส.สงกรานต์ บอกว่า พอได้ฟังดังนั้นก็ตกใจถามไปว่า แล้วไตยังทำงานได้ปกติไหม แพทย์ก็บอกว่า ทำงานได้ตามปกติเพียงแต่ว่าขนาดเล็กลง ยังสงสัยอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจะทำการผ่าตัดไตแล้วไม่แจ้งให้ทราบก่อน พอทวงถามเพื่อขอดูไตที่ตัดไป ทางโรงพยาบาลก็อ้างว่า ส่งไปตรวจแล้ว เมื่อถามซ้ำ ก็บอกอีกว่า ไตถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้ว จากนั้นก็บ่ายเบี่ยงเปลี่ยนไปเรื่องอื่น

จนในที่สุดแพทย์เจ้าของไข้ จึงออกมายอมรับว่า ตัดผิดนึกว่า เป็นถุงน้ำดีความทรมานเจ็บปวดก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ กลับไปให้ตรวจอีกครั้ง ก็ยังพบว่าแผลจากการผ่าตัดเย็บไม่สนิทเป็นรูกว้างต้องเจ็บปวดอีกครั้งในการเย็บซ้ำตรงรอยแผลที่ไม่สนิทอีก 7 เข็ม จากนั้นอาการก็ยังไม่ดีขึ้นจนต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในสังกัดเดียวกันที่กรุงเทพฯ จึงทำให้ทราบเบื้องต้นว่า มีการผ่าตัดผิดพลาด

ทางโรงพยาบาลฯ ชดใช้ให้ 4 แสนบาท ตนไม่เซ็นยอรับเพราะควรได้มากกว่านี้ เพราะไม่สามารถกลับไปทำงานได้ปกติ มีลูกต้องดูแลและสามีต้องทำงานคนเดียว ทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวให้ไปคุยกันที่ศาล หากอยากได้การชดเชยมากกว่านี้