จันจิ ท้อเล็ก ๆ แบกรับค่าใช้จ่ายหลักแสน คุณพ่อป่วยไบโพลาร์ - หวั่นกินยาเกินขนาด

จันจิ จันจิรา อัปเดตอาการป่วยคุณพ่อ เผยกินยานอนหลับเกินขนาด เหตุป่วยไบโพลาร์ รับเครียดค่ารักษาพยาบาลสูง ด้าน มาริโอ้ เมาเร่อ ให้กำลังใจตลอด

ทำเอานักร้องนักแสดงสาว จันจิ ไกอา หรือ จันจิ จันจิรา ออกอาการเครียดอยู่ไม่น้อย หลังคุณพ่อป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ล่าสุด (14 มิถุนายน 2560) สาวจันจิ ก็ได้ออกมาอัปเดตอาการป่วยของคุณพ่อว่า "ที่เห็นในรูปอาจจะดูเหมือนว่าคุณพ่อดูเบลอ ๆ เป็นเพราะคุณพ่อกินยานอนหลับเกินขนาด เพราะท่านป่วยเป็นโรคไบโพลาร์มาสักพักแล้วค่ะ ซึ่งมันก็ส่งผลทำให้อาการป่วยเกิดสวิงขึ้นมา จนท่านไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็ต้องเข้าโรงพยาบาลไป 5 วัน ตอนนี้ก็กลับมาปกติแล้วค่ะ"

หลังจากนี้เราต้องระวังอะไรมากขึ้นไหม

จันจิ จันจิรา : ก็ให้พี่เลี้ยงช่วยจัดยาในวันที่เราไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ ตอนนี้ก็ดูแลใกล้ชิดในแบบที่เราทำได้ เราก็เข้าไปคุยกับเขา คือคุณพ่อเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ชอบออกมาข้างนอก เราก็พยายามพาเขาออกมา แต่ยากมาก ถ้าไม่ต้องไปโรงพยาบาลคุณพ่อก็ไม่ออกจากบ้านเลย เหมือนเป็นนิสัยของเขาอยู่แล้วด้วย เราก็ต้องขึ้นไปหาเขาบ่อย ๆ

คุณหมอมีแนะนำอะไรเพิ่มไหม

จันจิ จันจิรา : ส่วนคุณหมอเองก็ไม่ได้แนะนำอะไรเพิ่มทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวของคุณพ่อเองมากกว่า โรคไบโพลาร์มันจะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว ดังนั้นมันก็เลยขึ้นอยู่กับใจของท่านเอง เขามีทัศนคติที่บวกขึ้นหรือเปล่า ซึ่งการทานยาและอาหารของท่านเราเองก็ต้องควบคุมดี ๆ อีกอย่างคือคุณหมอบอกว่าโรคนี้มีโอกาสหาย ถ้าหากคุณพ่อไม่กินยาเกินขนาดเองอีก จริง ๆ คุณพ่อท่านเป็นแบบนี้หลายรอบแล้ว ท่านจะเบลอ ๆ ใช้จ่ายค่อนข้างฟุ่มเฟือย หรือโกรธง่ายมาก ซึ่งอาการนี้มันก็จะเป็นส่วนหนึ่งของโรคไบโพลาร์ เราเลยพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการปรับยา มีกายภาพบำบัดบ้างเพราะตอนนั้นคุณพ่อบอกว่าหัวกระแทกด้วย อีกอย่างคือคุณพ่อก็มีอาการของโรคซึมเศร้าด้วย ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะว่าเราไปทำงานจนไม่มีเวลาเข้าไปคุยกับท่านบ่อย ๆ บวกกับเราเองก็ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันสักเท่าไร เพราะท่านเป็นคนที่ไม่ยอมออกนอกบ้านเลยจริง ๆ

ตอนเกิดเรื่องตกใจไหม

จันจิ จันจิรา : สำหรับครั้งนี้ก็ไม่ได้ตกใจเหมือนครั้งก่อน ๆ เพราะครั้งแรก ๆ ที่มันเกิดขึ้นเราตกใจมาก แต่ว่าตอนนี้เราเริ่มรับมือได้แล้ว ยิ่งตัวเราเองมีพี่สาวด้วยเราก็ค่อย ๆ ช่วยกันสลับดูแลกันไป เราอยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ค่อยได้มีเวลาไปดูแลท่านเพราะเราทำงาน ตรงนี้เราก็จะฝากพี่เลี้ยงช่วยดู ไปดูเองบ้าง ส่วนตัวเราเป็นห่วงท่านมาก เพราะล่าสุดพี่สาวบอกว่าคุณหมอเพิ่งจะตรวจถุงลมเล็ก ๆ ในปอด มันก็เลยยิ่งทำให้เรากังวลเรื่องการสูบบุหรี่ของคุณพ่อ เราก็ห้ามเขาประจำ แต่คุณพ่อดื้อ ตอนนี้คุณพ่อยังไม่สูบ แต่คลาดสายตาเราคุณพ่ออาจจะบังคับให้พี่เลี้ยงเอามาให้เขาสูบ

คุณพ่อท่านรู้ตัวไหมว่าท่านกำลังป่วย

จันจิ จันจิรา : เขารู้ว่าเขาป่วย แต่ว่าช่วงไหนที่อาการกำเริบเขาก็จะจำอะไรไม่ได้เลย และพอเขาหาย เขาก็จะถามย้อนหลังว่าป๊าเป็นแบบนี้เหรอ ซึ่งเราเองก็ต้องคอยระวังแทนท่าน ไม่ให้ท่านเครียดทำจิตใจให้ดี ๆ

ส่วนตัวเราเครียดไหม

จันจิ จันจิรา : เราเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่าค่ะ เพราะเรื่องการดูแลเราเองก็ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องของค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งมันสูงมาก แต่ละครั้งที่ต้องเข้าโรงพยาบาลก็เป็นหลักแสน เราทุกคนในบ้านก็เลยต้องพยายามช่วยเหลือกัน ก่อนหน้านี้ก็มีชวนเขาออกไปเที่ยวบ้าง หรือชวนออกไปกินข้าวนอกบ้านก็โดนเขาปฏิเสธตลอด มันเลยค่อนข้างยาก เขาค่อนข้างจะดื้อ แต่เราก็พยายาม ซึ่งเราก็ยังรับมือไหว ก็ถ้าป๊าดูอยู่ตอนนี้ก็รักษาร่างกายดี ๆ นะคะ ตอนนี้ออกข่าวแล้วนะคุณพ่อ คุณหมอเองก็บอกว่าคุณพ่อมีโอกาสหาย ถ้าไม่เติมยาด้วยตัวเอง บางทีเราไม่รู้ว่าเขาแอบไปทำอะไรบ้างก็ต้องคอยดูแลดี ๆ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับคนไข้เองว่าทีสภาพจิตใจดีขึ้นเมื่อไร

มาริโอ้ ได้เข้ามาให้กำลังใจเรายังไงบ้าง

จันจิ จันจิรา : มีค่ะ พี่เขาก็ช่วยซื้ออาหารที่คุณพ่ออยากกินไปส่งให้ และก็เข้าไปช่วยดูแลบ้างในวันที่พี่เขาว่าง แต่ว่าก็ไม่ได้มาทุกวันนะคะ มาแค่ครั้งเดียว ซึ่งคุณพ่อก็จำไม่ได้ ซึ่งปกติถ้าเขาว่างมีโอกาสเขาก็จะเข้าไปเยี่ยม จริง ๆ เขาก็มีให้กำลังใจเราเหมือนกัน บอกกับเราว่าอย่าเครียดและก็ให้เราค่อย ๆ พูดกับคุณพ่อเพื่อที่คุณพ่อจะได้มีกำลังใจอยากหายไว

ภาพจาก Instagram mario_mm38, junji_gaia