อนิจจาเด็กไทย! อ่านหนังสือน้อยลง เสพอินเตอร์เน็ตมากขึ้น

อ่าน 5,879

ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (ระดับอุดมศึกษา) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มวัยรุ่นไทยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ทั่วไปผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ว่า ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นนิยมใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อในการค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลที่อยู่ในรูปของเว็ปไซต์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีอยู่อย่างหลากหลายและสามารถค้นคว้าข้อมูลสาระความรู้ต่างๆได้อย่างมากมายและรวดเร็วผ่านอุปกรณ์การสื่อสารเพียงชิ้นเดียวคือ สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค

ขณะเดียวกันเมื่ออินเตอร์เน็ตกลายเป็นเป็นสื่อหลักในการค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ต่าง ๆของกลุ่มวัยรุ่นทำให้มีส่วนทำให้กลุ่มวัยรุ่นได้อ่านหนังสือต่าง ๆน้อยลง และอาจส่งผลถึงความเอาใจใส่ในการเรียน

นอกจากนี้หากมีการเลือกใช้ข้อมูลโดยไม่มีการกลั่นกรอง อาจทำให้ได้รับสาระความรู้ที่ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ โดยนักวิชาการตลอดจนผู้คนในสังคมได้แสดงความห่วงใยว่า เด็กเยาวชนในอนาคตอาจมีทักษะในการคิดวิเคราะห์น้อยลงกว่าในอดีต

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดอายุระหว่าง 15 ถึง 25 ปีพบว่ากลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 58.37 ระบุว่าตนเองนิยมค้นคว้าผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตมากกว่าหนังสือ โดยมีเพียงร้อยละ 16.05 ที่ระบุว่านิยมค้นคว้าผ่านหนังสือมากกว่า

ขณะที่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 53.56 ยอมรับว่าตนเองไม่เคยนำข้อมูลสาระความรู้ที่ค้นคว้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ตไปเปรียบเทียบความถูกต้องกับข้อมูลสาระความรู้ของเรื่องนั้นๆในแหล่งอื่นๆ เช่น หนังสือ นิตยสาร เลย

ในด้านความคิดเห็นต่อความถูกต้องของข้อมูลสาระความรู้ที่เผยแพร่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต กลุ่มตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 50.47 มีความคิดเห็นว่าข้อมูลสาระความรู้ต่างๆที่เผยแพร่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ไม่มีความถูกต้อง

ในส่วนของความคิดเห็นต่อการค้นคว้าหาข้อมูลความรู้ต่างๆบนอินเทอร์เน็ต กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 68.76 มีความคิดเห็นว่าการค้นคว้าหาข้อมูลความรู้ต่าง ๆผ่านระบบอินเตอร์เน็ตมีส่วนช่วยให้ตนเองเข้าใจเรื่องต่างๆที่เกิดความสงสัยได้มากขึ้น และร้อยละ 67.12 คิดว่าอินเตอร์เน็ตมีส่วนช่วยให้ตนเองมีความรู้รอบตัวในเรื่องต่างๆมากขึ้น ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.04 มีความคิดเห็นว่าการใช้เวลาค้นคว้าหาข้อมูลความรู้ทั่วไปผ่านระบบอินเทอร์เน็ตไม่ส่งผลให้ตนเองใช้เวลาทำกิจกรรมอื่นๆผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น เล่นเกม พูดคุย ดูหนัง/ฟังเพลง น้อยลง

อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 56.22 ยอมรับว่าการค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ทั่วไปผ่านระบบอินเทอร์เน็ตส่งผลให้ตนเองอ่านหนังสือต่างๆน้อยลง รวมทั้งกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.09 ยอมรับว่าการค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ทั่วไปผ่านระบบอินเทอร์เน็ตส่งผลให้ตนเองติดตามสาระความรู้ผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ น้อยลง

ในทางกลับกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.68 มีความคิดเห็นว่าการค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ทั่วไปผ่านระบบอินเตอร์เน็ตมีส่วนช่วยให้ตนเองประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อหาหนังสือสาระความรู้ต่างๆ และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 54.76 ระบุว่าการส่งเสริมให้ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ต่างๆจะไม่ส่งผลให้นักเรียนนักศึกษาตั้งใจเรียนในชั้นเรียนน้อยลง

นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 63.26 มีความคิดเห็นว่าหากมีการรวบรวมข้อมูลสาระความรู้ทั่วไปในหนังสือต่างๆนำมาเผยแพร่ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตจะมีส่วนช่วยทำให้เด็กเยาวชนสนใจค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องต่าง ๆมากขึ้นได้ และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 66.78 มีความคิดเห็นว่าการค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ทั่วไปผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมีความจำเป็นกับการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

สุดท้ายกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.43 มีความคิดเห็นว่าการส่งเสริมให้ใช้ระบบอินเตอร์เน็ตค้นคว้าหาข้อมูลสาระความรู้ต่าง ๆจะส่งผลให้เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ในเรื่องต่างๆน้อยลง



บทความแนะนำ


อรปภัตรม่านฟ้าเรียนรู้ไหวพริบลูกฉลาดที่กินร้านBuffetPotHotไฮโซม่านฟ้าร้านอาหารข่าวบันเทิงทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก