นับถือ!! สาวอ้วนมุ่งมันเปลี่ยนตัวเอง ที่ผ่านการลองผิดลองถูกมาแทบทุกขนาน จนกลายเป็นสาวหุ่นดีมี 6 แพค

อ่าน 12,890

เพจ Drama-addict ได้แชร์รูปภาพของ Natta Fit Blog

เรื่องราวสุดแซ่บของอาเจ๊ท่านนึง ที่ผ่านการลองผิดลองถูกวิธีลดความอ้วนมาแทบทุกขนานแล้ว (ลองอ่านดูจะเห็นว่าเจ๊แกใช้มาแล้วแทบทุกวิธีจริงๆ) จนสุดท้ายพบทางสว่าง ที่เรียบง่ายสุดๆ คุมอาหาร ออกกำลังกาย แค่นี้แหละ

ใครอยากได้แรงบันดาลใจลองไปอ่านกันดูที่สำคัญ ดูด้วยว่าเขาใช้เวลากี่ปีกว่าจะมาถึงจุดนี้มันไม่ใช่แบบแป๊บๆน้ำหนักลงฮวบๆ แบบไอ้พวกขายยาลดความอ้วนมันโฆษณากันหรอกนะ

เธอเล่าประสบการณ์ ให้ฟังว่า...

#FromFatToFirm

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว..ตอนอ้วน ก็ไม่ได้อ้วนในวันเดียว.. ตอนลดก็เช่นกันถ้ามีเวลาพอจะอ่านเรื่องราวชีวิตใครสักคนยาวๆ ... โอ๋จะเล่าให้ฟังค่ะ

ย้อนไปตอนวัยรุ่น โอ๋รูปร่างปานกลาง สูง 162 หนัก 47-48 เป็นคนแอคทีฟ เล่นกีฬาบ้าง กินเก่ง ห้าวๆ ไม่สนใจเรื่องความสวยความงาม เรื่องอ้วน ผอม

ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย อายุ 21 มีช่วงที่โอ๋เครียดมากๆ กินอะไรไม่ลง วันๆกินน้อยมาก บางวันกินแค่ผลไม้นิดหน่อย ด้วยความที่นิสัยแอคทีฟ พอรู้สึกเครียด ก็แก้เครียดด้วยการออกกำลังกาย ว่ายน้ำสัปดาห์ละ 3 วัน และเข้ายิม น้ำหนักลดฮวบ ผอมสลิม หนัก 42-43 กก. เอวเหลือ 23 ตัวบางร่างน้อยเลยทีเดียว ลดแม้ไม่ได้ตั้งใจจะลด

ใครก็ตามที่ผอมเพราะกินน้อยมากๆ และใช้พลังงานเยอะๆ ผลที่ตามมาคือโยโย่ น้ำหนักเด้งทุกราย โอ๋ก็เช่นกัน...หนีไม่พ้น

พอผ่านช่วงเครียดๆ กลับมากินอาหาร ใช้ชีวิตได้ตามปกติ เรียนจบ ทำงาน ไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จาก 42-43 เพิ่มขึ้น 10 โล เป็น 52 จริงๆก็ยังไม่อ้วนหรอก เมื่อเทียบส่วนสูง 162 แต่สำหรับวัยนั้น และยุคนั้น หุ่นนางแบบต้องแห้งเหมือนไม้เสียบผี ต้องลดความอ้วนหน่อยละ!

#ลดความอ้วนครั้งแรกในชีวิต

มีวันหนึ่ง โอ๋ไปบ้านเพื่อน เห็นรูปเพื่อนตอนอ้วนๆ แต่เขาลดจนผอมลงมากด้วยการกินแต่ฝรั่งจิ้มพริกเกลือเป็นเดือนๆ รู้สึกมันเหลือเชื่อมาก แต่เขาลดได้ เราก็น่าจะลองบ้าง...ไปตลาด ซื้อฝรั่งเลย วันๆกินแค่ฝรั่ง กับ น้ำเต้าหู้ ทำอยู่สามสี่วัน ฝรั่งเต็มท้องตลอด แต่หิวมาก เพราะแคลอรี่มันต่ำ และท้องอืดมาก ป่องงงงง ตดระเบิดระเบ้อตลอดเวลา... หืม ไม่ไหวอะ น่ารังเกียจ เพื่อนมันทำไปได้ไง กินฝรั่งเป็นเดือนๆ ฉันกินสามสี่วัน นน.ไม่ลด ยังพุงป่องเพิ่มด้วย ไม่เวิร์คๆ

.... ดีใจที่ตอนนั้นไม่กัดฟันกินแต่ฝรั่งจนผอม ถ้าทำจนผอมจริง ไม่อยากจะคิดว่าตอนโยโย่จะไปขนาดไหน อะไรๆจะพังไปแค่ไหน ขาดสารอาหารแน่ๆ (ป่านนี้เพื่อนคนนั้นโยโย่ไปขนาดไหนแล้วนะ?)

#วิ่งทั้งที่เกลียดวิ่งมากที่สุด

มานั่งคิด...ตอนปีสี่ เราผอมลงมาก เพราะออกกำลังกาย วิธีนี้มันต้องเวิร์คสิ! ก็เลยเริ่มวิ่ง ไปวิ่งสวนลุมเช้า จ-ศ สัปดาห์ละ 5 วัน

โอ๋เกลียดการวิ่งมากๆ จากวันแรกๆวิ่งได้หน่อย 200 เมตร ก็เหนื่อย แต่ก็อดทน จนวิ่งไปได้สักครึ่งเดือน เริ่มอึดขึ้น ตอนนั้นอายุ 24 เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ยังไม่มีหนังรักณิชคุณ-สู่ขวัญ งานวิ่งยังไม่บูมแบบปัจจุบัน สวนลุมไม่ค่อยมีหนุ่มสาวมาวิ่ง มีแต่ผู้สูงอายุมาเดิน วิ่ง รำมวยไทเก็ก โยคะ โอ๋เลยกลายเป็นขวัญใจของลุงป้าเจ็กแปะที่นั่น เริ่มมีอาแปะมาทักทาย ชวนคุย เรียกไปวิ่งด้วยกัน ..อาแปะคนหนึ่งไม่วิ่ง แต่เดินเร็ว มือถือน้ำหนักสองข้าง โอ๋วิ่งตามด้วยสปีดเดียวกับอาแปะเดิน ได้แค่สองรอบจอด แต่แปะยังไปเดินต่ออีกสองรอบ

topic ที่ลุงๆป้าๆชอบคุยกัน คือ ทายว่าโอ๋อายุเท่าไหร่ คนใหม่ๆที่ยังไม่รู้จักจะทายว่า 18-20 พอเฉลยว่า 24 ก็เฮฮากัน และชื่นชมให้กำลังใจที่เห็นสาวรุ่นมาออกกำลังกายทุกวัน โอ๋เลยได้รู้จักสังคมใหม่ๆ ที่ออกกำลังกายเป็นกิจวัตร ลุงป้าแต่ละท่านออกกำลังกายมายาวนาน เรายังอายุน้อยแต่กลับแข็งแรงสู้พวกท่านไม่ได้เลย อ๊ายอาย

อาแปะเดินทนคนเดิม ท่านเอ็นดูโอ๋มาก ท่านช่วยแนะนำ และเชียร์ให้ลงมาราธอน! อ๊ากกกก แค่วิ่งๆเดินๆสวนลุม 2 รอบ ไม่ถึง 5 กม. ยังลิ้นห้อยแล้ว มาราธอน 42 กม. เป็นแค่ความฝัน... ขี่จักรยานยังไม่รู้จะถึงรึเปล่า... อาแปะให้กำลังใจว่า ได้สิ! อายุนิดเดียวแค่นี้ ฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็วิ่งมาราธอนได้สบาย มียายคนนึง อายุแปดสิบแล้ว ตอนมาสวนลุมครั้งแรก ลูกหลานต้องหิ้วปีกสองข้างลงจากรถ แต่แกมาทุกวัน จนตอนนี้วิ่งมาราธอนแล้ว ... คำพูดนี้ฝังใจโอ๋ตั้งแต่วันนั้นจนทุกวันนี้ ... ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ความพยายามอยู่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น!

เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย..เหมือนจะดี แต่คนเรา โง่มาก่อนฉลาด ... ดันไปคิดว่า ลดความอ้วนต้องกินน้อยๆ เลยต้มแกงจืดกะหล่ำปลีวันละ 1 หัว กินแต่กะหล่ำปลี กะว่าผอมแน่ๆ (โง่ได้โล่ห์ค่ะ 555) ดีที่เพิ่งทำได้แค่วันสองวัน แล้วก็เกิดจุดเปลี่ยน...

#กินยาลดความอ้วน

ช่วงนั้นเริ่มคบหนุ่มคนหนึ่ง คุยกัน พอเขารู้ว่าโอ๋กำลังตั้งใจลดความอ้วน เขาเลยแนะนำว่า "อยากลดความอ้วนจะมาวิ่งกับกินกะหล่ำปลีต้มอยู่ทำไม กินยาลดความอ้วนดีกว่า พี่รู้จักคลีนิคดังที่ดาราไปกันเยอะ เดี๋ยวพาไป" ... สมัยนั้น การลดความอ้วนของผู้หญิง คือ กินยาลดความอ้วน หรือ สูตรอาหาร 3 วัน 7 วัน แจกกันเป็นของล้ำค่า .. การออกกำลังกาย โดยเฉพาะฝึกเวท และคุมอาหาร แทบไม่มีใครรู้จัก หรือทำกัน ... เอิ่ม..จุดเปลี่ยนแย่กว่ากินกะหล่ำปลีอีกปะเนี่ย!!

เราก็เชื่อคนง่ายเนาะ ดาราเขาลดแบบนี้ มันต้องดีแน่เลย (ตรรกะนี้ใครเป็นคนต้นคิด?!) กินยาลดความอ้วนอยู่เดือนนึง ... ผลคือ น้ำหนักไม่เห็นจะลด แต่คอแห้งหิวน้ำบ่อย และหงุดหงิดง่าย อะไรที่เคยทนได้ เริ่มทนไม่ไหว ความอดทนต่ำลง ... พอเห็นว่าน้ำหนักไม่เห็นจะลงเลย ก็เลยเลิกกิน (เดชะบุญจริงๆ เฮ้ออออ)

#แต่งงาน

แรงใจในการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดของผู้หญิง คือ ลดเพราะอยากใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆและช่วงที่อ้วนได้เร็วที่สุดของผู้หญิงคือ หลังแต่งงาน ... ขายออกแล้ว สบายใจ กินได้ เย้! 5555

ก่อนแต่งโอ๋ก็ลดความอ้วน เพราะอยากใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ จนกลับมาหนัก 48 .. เพราะไปวิ่งสวนลุมนั่นแหละ แต่สามี (อีตาคนที่พาไปคลีนิคลดความอ้วนนี่เอง!) ไม่ค่อยชอบให้หน้าเรียวๆเท่าไหร่ ชอบให้แก้มป่องๆ อวบๆมากกว่า พอแต่งแล้วก็ชวนกินอย่างหนักหน่วง สาหัส (นี่เป็นวิธีหวงเมียของผุ้ชายรึเปล่า? ขุนให้อ้วน) พากินข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ตอนเที่ยงคืนทุกวัน เมนูของแต่ละวันวนๆอยู่ที่ ผัดไทย หอยทอด ขาหมู ข้าวมันไก่ ไก่ทอด หมูทอด ทอดมัน ไอติม บัวลอย น้ำแข็งใส และเลิกออกกำลังกายไป...

สามีทำสำเร็จ น้ำหนักขึ้นมา 52-54 ตัวจะแตก ก็มันตั้งหลายโลนี่! (ตอนไม่มีกล้ามเนื้อ น้ำหนักเท่านี้มันคนละหุ่นกับตอนนี้เลยนะ) ฮึดออกกำลังกายเป็นพักๆ อยู่คอนโด ก็ไปวิ่งขึ้นลงบันได 15 ชั้น ตอนนั้นไม่รู้จักว่าฝึกเวทคืออะไร รู้แต่ลดพุงต้องซิทอัพ

แม่เห็นว่าอ้วน ก็ให้สูตร(แอบอ้าง)พระเทพมา โฆษณาเสร็จสรรพว่า ไม่ต้องออกกำลังกาย คนรู้จัก กินแบบนี้ ทำมาหลายรอบแล้ว ผอมลงเยอะมาก และหุ่นแบบนั้นมาเป็นปี ไม่อ้วนขึ้น... หืม จริงเหรอ? ความหวังมลังเมลือง.. ไปซื้ออาหารตามตารางที่แม่ให้มาเลย

สูตรห้าวันเจ็ดวันพวกนี้ มันคือที่สุดของความทรมาน นั่งมองนาฬิกาทั้งวัน เมื่อไหร่จะถึงมื้อต่อไป เปิดตารางอาหารดูจนจำได้ บางมื้อก็เป็นของที่ไม่ชอบเลย และแต่ละมื้อกินน้อยมาก ไม่มีอิ่มสักมื้อ แต่ก็อดทนกินจนครบวันตามตาราง นน.ลดไปสองโล พอกลับมากินปกติ อาทิตย์เดียว ขึ้นมาเหมือนเดิม ... ฉันทรมานเพื่อ??!! โง่อะไรเบอร์นี้!

#อ้วนถึงจุดแตกหัก

หลายปีช่วงนั้นกำลังสร้างฐานะ ทำงานหนัก อดหลับอดนอน กินข้าวไม่เป็นเวลา หิวก็กินๆๆๆๆ น้ำหนักก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ 56..58..64..68!! พองเหมือนเป่าลม!! หน้ากลมป๊อก คอไม่มี มีเหนียงมาแทน เสื้อผ้าไซส์ XL ยัดไม่ลง ต้องซื้อเสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อยืดหลวมๆ กางเกงทรงลุงใส่ เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งตู้ เฟลมาก แม้สามีจะบอกว่าสวยน่ารัก ???? แต่ไม่ไหวละ จะตั้งใจลดน้ำหนักแล้ว!

#AtkinsDiet

อ่านเรื่องวิธีลดความอ้วนไปเรื่อยๆ จนไปรู้จักกับ Atkins Diet เป็นวิธีลดความอ้วนแบบตัดคาร์บเลย เขาเคลมว่า กินเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ต้องนับแคลอรี่ กินไขมัน กับ โปรตีนเท่านั้น ..ว้าย กรี๊ด! เข้าทางเลย ก็เลยเริ่มไดเอ็ทด้วยวิธี Atkins

Atkins Diet ใช้ชีวิตยากมาก ต้องทำอาหารกินเองทุกอย่าง และเคร่งครัดมาก น้ำตาล น้ำปลา ซอส ห้ามใช้ เพราะมันมีน้ำตาลอยู่ ปรุงรสด้วยเกลือเท่านั้น แม้แต่นม ผัก ผลไม้ ก็กินไม่ได้ มีคาร์บ ดังนั้นอาหารนอกบ้านตัดไปได้เลย กินได้เฉพาะเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ อาหารทะเล ไขมัน โอ๋ก็กินวนๆอยู่แค่นี้ และออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานที่บ้าน กับตีแบด 4 เดือน น้ำหนักลดไป 12 โล และผมร่วงเต็มบ้าน!!

#ตั้งครรภ์

ลดด้วย Atkins Diet และออกกำลังกาย จนน้ำหนักเหลือ 56 แถมผมร่วงจนบางไปเยอะ ดีที่ต้นทุนเป็นคนผมหนามากๆ เลยยังพอไหว แต่ก็ร่วงจนเครียดมาก อยู่ตรงไหนนี่แกะรอยง่ายมาก ผมกองเต็ม

สงกรานต์ปีนั้น ไปเที่ยว เดินป่า แอดเวนเจอร์กับสามี ยังไงก็คุมอาหารไม่ได้แน่ ก็เลยเลิก Atkins กลับมากินปกติเดือน พ.ค. 49 ประจำเดือนขาด ฉันท้อง!! แผนลดความอ้วนทุกอย่างเป็นอันล้มเลิก กลับลำ ทำน้ำหนัก ขนม ของหวาน คาร์บ ที่ไม่เคยกินมาสี่เดือน กลับมากินเต็มที่ เดิมๆเป็นคนไม่ชอบกินขนมหวาน แต่ตอนท้องดันชอบซะงั้น อ้วนเพราะท้องเป็นข้ออ้างที่ดีจะตาย ฟังขึ๊นขึ้น 555

นน.56 ก่อนท้อง .. วันคลอด 86.4 รอบพุง 45 นิ้ว อัยย่ะ!คลอดแล้ว ลูกหนัก 4100 g. แม่หนัก 79 kg. จ๊ากกกกก!!

#สาหัสกับการเลี้ยงลูกอ่อน

สองปีแปดเดือน หลังคลอด เป็นช่วงสาหัสสุดๆช่วงหนึ่งในชีวิตเลย ลูกแพ้อาหารแทบทุกอย่าง แพ้ผ่านนมแม่ได้ด้วย โอ๋คุมอาหารเข้มกริ๊บ กินได้ไม่กี่อย่าง แต่ต้องกินอย่างเต็มที่เพื่อสร้างน้ำนมให้ลูก น้ำหนักจาก 79 ลดเหลือ 56 เท่าก่อนท้อง โดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากเลี้ยงลูก ให้นม แล้วก็เพิ่มกลับขึ้นไปจนเป็น 68 เพราะขุนตัวเองเป็นโรงงานผลิตนมแม่

#ลดความอ้วนจริงจัง..อีกละ

ลูกหย่านม 2 ขวบ 8 เดือน โอ๋ลดความอ้วนอีกครั้ง อ้วนมากๆ ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย แต่รอบนี้ฉลาดแล้ว รู้ว่าลดความอ้วนต้องฝึกเวท (อ่านเว็บต่างประเทศ) และคุมอาหาร

ปี 52 โอ๋สมัครสมาชิกฟิตเนส ไปออกกำลังกายแทบทุกวัน สองเดือนแรกยังเวทไม่เป็น ก็ไปคาร์ดิโอ และคุมอาหาร น้ำหนักก็ลดเร็วไม่ต่างจากตอนกินแบบ Atkins ตัดคาร์บ ตอนนั้นฉันทำทำไมให้ผมร่วงฟระ!! ชีวิตก็ลำบ๊ากลำบากเดือนที่สามเริ่มฝึกเวท และตัดสินใจจ้าง PT

ปีแรกเวท และคาร์ดิโอหนักมาก คุมอาหารเต็มที่ จนน้ำหนักลดจาก 68 เหลือ 47 มีกล้ามเนื้อมากขึ้นนิดหน่อยเอวจาก 35+ เหลือ 26สะโพก 40 เหลือ 33.5สมรรถภาพร่างกายดีขึ้นมากมาย อัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก 45 ครั้งต่อนาที (ปัจจุบัน 39-40)เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย จาก 30 กว่า เหลือราว 18%วิ่งบนเทรดมิลล์ได้ต่อเนื่องเป็นสิบกม.เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งตู้หลายรอบ ไซส์ใหญ่ๆที่เคยใส่ บริจาคหมดตู้

แต่ PT ฝึกหนักเกินไปจน overtrain อย่างหนัก เริ่มป่วยบ่อยมาก และเบื่อหน่าย ขยาดการเวท

#ย้ายบ้านฝึกเวทเอง

ปีที่สองของการออกกำลังกาย โอ๋ย้ายบ้าน ยุ่งๆวุ่นๆหลายสิ่ง โอเวอร์เทรนจากการฝึกที่หนักเกินไปในปีแรก จนหยุดออกกำลังกายไปหลายเดือน น้ำหนักก็เริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ พอบ้านใหม่เข้าที่เข้าทาง ก็หาฟิตเนส กลับไปออกกำลังกายอีกครั้ง แต่ยังไม่อยากฝึกเวท ก็เริ่มจากคาร์ดิโออย่างเดียวอยู่หลายเดือน จนรู้สึกดีขึ้น ก็เริ่มกลับมาเวทเบาๆ รอบนี้จัดโปรแกรมให้ตัวเอง ฟังเสียงร่างกาย ไม่หักโหมฝึกเหมือนฝึกกับ PT หุ่นดูดีขึ้นเรื่อยๆ มีกล้ามเนื้อมากขึ้น ระมัดระวังการโอเวอร์เทรนเพราะจะทำให้ทุกอย่างถอยหลังลงคลองอีก

#น้ำท่วมใหญ่ปลายปี54

อะไรๆกำลังจะเข้าที่ ก็ต้องมีมารผจญเรื่อยเลย... ปลายปี 54 น้ำท่วมใหญ่ บ้านโอ๋อยู่ในพื้นที่เสี่ยงมากที่จะถูกน้ำท่วม ก่อนน้ำจะมา เครียดมากๆ จนไม่มีกำลังใจจะออกกำลังกาย พอน้ำท่วม ก็ไม่รอดฮะ โดนเต็มๆ ก็ย้ายหนีขึ้นไปอยู่บนเขาใหญ่ กว่าน้ำจะลด ย้ายกลับลงมา เบ็ดเสร็จครึ่งปีที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย อาหารก็ไม่ได้คุม อะไรที่ไม่เคยกินมาหลายปี พิซซ่า เค้ก ไอติม กลับมากินแหลกในช่วงนี้ จนแบกน้ำหนักกลับมาที่ 54-56 ขึ้นมาหลายกิโล

#วิ่งๆๆๆๆ

ชีวิตกลับสู่ภาวะปกติ เคลียร์บ้าน กลับเข้าฟิตเนส ฝึกเวท ฟิตหุ่น และเริ่มสนใจวิ่ง outdoor ฟิตซ้อมเต็มที่ ลงงานวิ่งต่างๆ วางแผนจากเหรียญมินิมาราธอนสองสามสนาม เริ่มซ้อมเพื่อฮาล์ฟมาราธอน พอวิ่งเยอะก็เหนื่อย เลยหยุดฝึกเวท มาซ้อมวิ่งอย่างจริงจังจนน้ำหนักลดเหลือ 51-52 แต่หุ่นไม่ค่อยเฟิร์มเท่าไหร่ ผอมบางลง แต่ไม่ค่อยมีกล้าม

พอกล้ามน้อย ฤดูหนาวเที่ยวเยอะ ออกกำลังกายน้อย กินจุ น้ำหนักก็แอบขยับขึ้นทีละน้อย...หน้าร้อน ร้อนมาก วิ่งไม่ไหว ก็เข้ายิมฝึกเวท

#วิถีชีวิตฟิตเฟิร์ม

โอ๋ทำแบบนี้อยู่หลายปี คือ ออกกำลังกาย outdoor ช่วงหน้าหนาว, หน้าร้อน เข้ายิมฝึกเวท สร้างกล้ามเนื้อ ปั่นสปินไบค์ กระโดดเชือก คาร์ดิโอที่ทำได้ในร่ม

ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา ช่วงไหนวินัยหลวม อ้วนขึ้นบ้าง ก็กลับมาฟิตหุ่น ฝึกเวท คาร์ดิโอ คุมอาหารดีๆ ก็จะลีนลงจนหุ่นดี

ปีหลังๆช่วงสวิงของน้ำหนักแคบลงเรื่อยๆ กล้ามเนื้อเพิ่มทุกปี จนมีซิกแพค และเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายช่วงที่ต่ำๆ เหลือแค่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ต้นๆ จัดว่าลีนมากๆ มีกล้ามเนื้อชัดเจน

ปัจจุบัน ปีที่แปดของการออกกำลังกาย โอ๋รักษาเปอร์เซ็นต์ไขมันให้อยู่ในระดับลีนได้ตลอด ไม่ค่อยสวิงมากนัก

กิจกรรม outdoor ก็พัฒนาขึ้น วิ่งจนถึงระยะฮาล์ฟมาราธอน ปั่นจักรยานเสือหมอบ ว่ายน้ำ ต่อยมวย และกีฬาอื่นๆ เช่น ตีแบดบ้างเป็นครั้งคราว

โอ๋กันพื้นที่เล็กๆในบ้าน ทำโฮมยิม ฝึกเวทเองที่บ้าน สลับกับไปยิมบ้าง

ปัจจุบัน การคุมอาหาร และ ออกกำลังกายเป็นวิถีชีวิต สม่ำเสมอ รู้จักเลือกกิน กินอร่อย มีความสุขทุกมื้อ ร่างกายและสุขภาพแข็งแรงมาก ปีๆนึงเป็นหวัด 1-2 ครั้งเป็นอย่างมาก เป็นผู้หญิงอายุ 40 ที่ถึกมาก และไม่อายที่จะบอกอายุเวลาโดนใครถาม ^^ แต่ละปีมีเป้าหมายใหม่ๆของตัวเอง และทำสำเร็จทุกๆปี ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆนะ..ถึงวันนี้เพจ Natta Fit Blog เกือบครบปีแล้ว โอ๋ดีใจที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ ตลอดชีวิตที่ลองผิดลองถูกมายาวนาน ให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ โอ๋มีความสุขมากที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆทุกคน ได้รับมิตรภาพดีๆเสมอมา ทำให้โอ๋มีกำลังใจที่จะเขียนบทความดีๆทุกวัน^^

ขอบคุณทุก like ทุก share ที่ทำให้เพจเล็กๆเพจนี้มีแรงส่งต่อความรู้ และแรงบันดาลใจให้ทุกๆคนเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางของตัวเอง.. ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ^^

โอ๋ ณัฏฐาfb.com/NattaFitBlog



บทความแนะนำ


โปรโมชั่นผู้ชายผู้หญิงขโมยนมให้ลูกข่าวล่าสุดJAPANFLYOISHIความรักโกงค่าจ้างทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก