ตา-ยาย วอนสื่อช่วยตามหา ลูกสาวแต่งหนุ่มออสซี่ ก่อนขาดการติดต่อนาน 13ปี ไม่รู้เป็นหรือตาย

อ่าน 1,664

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายสุทิน แก้วกรูด อายุ 74 ปี นางวิจิตต์ แก้วกรูด อายุ 66 ปี ตายายสองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 6 ตำบลคุริง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านปูนชั้นเดียวหลังคามุงสังกะสีสภาพเก่า อยู่ติดกับถนนลูกรังในหมู่บ้านห่างจากชายแดนไทย-เมียนมา ประมาณ 20 กิโลเมตร โดยทั้งสองตายายต้องการให้ผู้สื่อข่าวช่วยเหลือเป็นสื่อกลางตามหาลูกสาวที่แต่งงานกับหนุ่มต่างชาติชาวออสเตรเลีย แล้วขาดการติดต่อหายสาบสูญไม่รู้ตะกรรมมานาน 13 ปีแล้ว

นายสุทินกล่าวว่าตนอยู่กินกับนางวิจิตต์มีลูกด้วยกัน 4 คน ผู้ชาย 3 คน หญิง 1 คน โดยลูกชายทั้ง 3 คนได้แต่งงานออกไปประกอบอาชีพเป็นหลลักแห่งทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวกันหมดแล้ว ส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวซึ่งเป็นคนสุดท้องชื่อ น.ส.เพ็ญศิริ แก้วกรูด ปัจจุบันอายุ 43 ปี โดยเมื่อปี พ.ศ.2534 ได้ไปทำงานรับจ้างอยู่ตามร้านอาหาร จนกระทั่งครั้งสุดท้ายได้ทำงานเป็นผู้จัดการอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต

ต่อมาได้รู้จักกับ นายไซมอน กิบบอนส์ อายุ 50 ปี ( MR.SIMON BECKETT ST FELIX GIBBONS ) เป็นครูสอนดำน้ำชาวออสเตรเลีย จากนั้นลูกสาวตนได้ลงทุนร่วมกับนายไซมอน ทำธุรกิจสอนดำน้ำและติดตั้งกล้องวงจรปิดในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งช่วงนั้นลูกสาวตนกับนายไซมอน จะกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่อยู่เป็นประจำ

นายสุทินกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ครั้งสุดท้าย เมื่อปี พ.ศ.2546 น.ส.เพ็ญศิริและนายไซมอน เลิกทำธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากถูกเพื่อนชาวต่างชาติที่ร่วมหุ้นลงทุนด้วยกันโกงจนขาดทุนต้องปิดกิจการ แล้วพากันไปอยู่เมืองนอกแต่งงานอยู่กินกันที่ประเทศออสเตรเลีย โดยก่อนเดินทางไปนายไซมอน ได้ลืมสมุดบัญชีเงินฝาธนาคารกรุงไทยสาขาภูเก็ตไว้ที่บ้านตนมีเงินอยู่กว่า 3 หมื่นบาท ช่วงแรกๆอยู่ต่างประเทศ 2ปี ลูกสาวตนยังได้ส่งรูปภาพพิธีแต่งงานกับนายไซมอน ที่เมืองนอกมาให้พ่อแม่ดูจำนวนหลายภาพ และยังติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ส่งจดหมายถึงกันอยู่เป็นประจำ

แต่หลังจากผ่านไป 2 ปี น.ส.เพ็ญศิริ ลูกสาวตนไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลยจนถึงปัจจุบันนี้นาน 13 ปีแล้ว ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกมาก หากวันใดมีรถเก๋งหรือรถยนต์แปลกๆขับผ่านมาทางหน้าบ้านตนและนางวิจิตต์ภรรยาจะดีใจทุกครั้งคิดว่าเป็นลูกสาวกลับมาบ้าน ปัจจุบันทำให้นางวิจิตต์ผู้เป็นแม่ต้องเป็นโรคหัวใจเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นประจำ เพราะเป็นห่วงลูกไม่รู้ว่ามีชะตากรรมหรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร

เมื่อปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา ตนได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ท่าแซะเรื่องลูกสาวหายตัวในต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงขอวิงวอนผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยเป็นสื่อกลางหากลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ได้เห็นข่าวก็ให้ติดต่อกลับมาบ้านด้วยเพราะพ่อแม่รักเป็นห่วงรักและคิดถึงลูกมาก และอยากให้สถานทูต หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหากมีช่องทางใดช่วยติดต่อประสานงานให้กับตนด้วยจะได้รู้ว่าลูกสาวตนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่หรือเสียชีวิตไปแล้วและด้วยสาเหตุใด เพราะครอบครัวตนมีอาชีพทำสวนหาเช้ากินค่ำฐานะยากจนคงไม่มีปัญญาจะไปตามหาหรือเดินทางไปติดต่อกับหน่วยงานต่างๆได้ นายสุทินกล่าว



บทความแนะนำ


มะเขือเทศน้ำมะนาวแตงกวาElderLegendsScrollsการศึกษาทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก