คนที่บอกว่าเขารักชีวิต แต่เขาไม่รักษาศีล จะเชื่อถือได้อย่างไรว่าเขารักชีวิตจริง !
ศีล คือ ชีวิต?ชีวิต คือ ศีล
คนไม่มีศีล เปรียบเสมือนต้นไม้ที่ไม่มีรากเมื่อถูกลมพัดก็ย่อมล้ม
คนไม่มีศีล เหมือนการสร้างบ้าน
สร้างตึกที่ไม่มีรากฐานไม่มีเสาเข็ม
ย่อมล้มเป็นธรรมดาคนไม่มีศีล เหมือนคนไม่มีเท้าย่อมเดินไม่ได้เหมือนรถไม่มีล้อแล่น วิ่งไม่ได้
คนไม่มีศีล เหมือนคนเป็นใหญ่เป็นโต แต่ไม่มีความรู้ย่อมปกครองทรัพย์ ปกครองลูกน้องไม่ได้ดี
คนไม่มีศีล จะเจริญสมาธิและกระทำให้เกิดปัญญาและวิมุตติไม่ได้ และสำเร็จมรรคผลนิพพานไม่ได้
คนมีศีล ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้(ไม่ว่าจะอยู่ในหมู่คนพาลหรือคนดี ย่อมรักษาตัวรอดได้)
คนมีศีล จะนั่งนอน หลับตื่น ก็เป็นสุขอยู่ในกาลทุกเมื่อไม่มีวิปฏิสาร (คือความเดือดร้อนใจ)
คนมีศีล มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวย่อมประเสริฐกว่าผู้ไม่มีศีลซึ่งมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
คนมีศีล ย่อมไม่ทำบาปแม้ในที่ลับเพราะมีความตรงและจริงใจต่อตนเอง
คนมีศีล ย่อมไปสู่ทุคติจตุรบาย
ศีล คือ เครื่องรางที่ป้องกันอบายภูมิได้อย่างศักดิ์สิทธิ์
คนมีศีล ย่อมมีสุคติเป็นที่ไปเบื้องหน้า
คนมีศีล จะค้าขายก็จะมีแต่ความเจริญโดยส่วนเดียว
คนมีศีล เข้าสมาธิก็ง่าย ไม่สะดุ้งตกใจง่าย
คนมีศีล ย่อมไม่ฝันลามก ย่อมไม่ฝันร้าย
คนมีศีล บรรลุธรรมก็ง่าย
คนมีศีล ย่อมไม่ก่อกรรมทำบาป
คนมีศีล คือ ผู้ที่มีจิตศรัทธาในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง(คือเชื่อในพระรัตนตรัยจริงๆ)
คนมีศีล ย่อมเห็นโทษของบาปแม้เพียงเล็กน้อย
เพราะผิดศีลข้อ ๑ จึงมีกรรม อายุสั้น มีโรคภัยไข้เจ็บมาก
เพราะผิดศีลข้อ ๒ จึงมีกรรม ทรัพย์สมบัติต้องวิบัติด้วยแรงกรรมต่างๆ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ
เพราะผิดศีลข้อ ๓ จึงมีกรรม ภริยา-สามี นอกจิต นอกใจบุตร-ธิดาไม่อยู่ในโอวาทคบชู้สู่ชาย
เพราะผิดศีลข้อ ๔ จึงมีกรรม พูดจาไม่มีคนเชื่อถ้อยฟังคำตาบอด หู หนวก เป็นอัมพาต
เพราะผิดศีลข้อ ๕ จึงมีกรรม โง่เง่า หลงทำกาลกิริยา เป็นบ้า เป็นใบ้
รักษาศีลให้ได้ มีสุคติเป็นที่ไปแน่นอน
รักษาศีลให้ได้ มีโภคทรัพย์แน่นอน
รักษาศีลให้ได้ มีนิพพานเป็นที่ไป และเข้าถึงแน่นอน:: หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม