ตำนานรัก "โลงคู่" วัดหัวลำโพง
ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2510 หนังสือพิมพ์สื่อใหญ่ได้พาดหัวข่าว โศกนาฏกรรมรักของคู่รักคู่หนึ่ง
ที่โชคชะตากำหนดให้เกิดมาอยู่ในเพศเดียวกัน
เพียงชั่วข้ามคืนเหตุการณ์นี้ได้เลือนหายไปความทรงจำของคนไทย
ก่อนที่ถูกนำกลับมาย้ำเตือนอีกครั้งในอีก 22 ปีต่อมา ในรูปแบบของบทเพลง
คลิกฟังเพลง สีดา -แจ้ - ดนุพล แก้วกาญจน์
ในบทเพลง "สีดา"
ได้กล่าวถึงความรักที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้งระหว่างชาย 2 คน
แต่สุดท้ายกลับต้องจบลงด้วยการกระทำอัตวินิตบาตกรรมของคนทั้งคู่
เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความซาบซึ้ง และทำให้ "แจ้ - ดนุพล แก้วกาญจน์"ตัดสินใจหยิบยกเรื่องราวนี้มอบให้ ครูน้อย สุรพล โทณะวณิก ช่วยถ่ายทอดเป็นบทเพลงในปี 2532?สีดา? เป็นเรื่องราวจากชีวิตจริงเมื่อ ปี 2510 ของสาวประเภทสองที่ชื่อ ประโนตย์ วิเศษแพทย์
แต่บางส่วนของเรื่องราวที่ผู้แต่งจำเป็นต้องดัดแปลงไป
ทำให้มีบางเสี้ยวของเหตุการณ์ต่างไปจากความเป็นจริง ?สีดา? ในบทเพลง
หมายถึง นางเอกนาฏศิลป์โขนของกรมศิลปากรเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน
หากแต่ชีวิตจริงเขาชื่อ "ประโนตย์ วิเศษแพทย์" สิ่งที่ทำให้ประโนตย์โดดเด่นมากที่สุดในยุคนั้นก็คือความสวย ซึ่ง สุทิน ทับทิมทอง รุ่นพี่ที่สนิทสนมกับประโนตย์ เล่าว่า ปัจจุบันความสวยของสาวประเภทสองเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่สำหรับเมื่อก่อน ประโนตย์สวยเกินกว่าผู้หญิงบางคน และไม่มีสาวประเภท 2 คนใดเทียบได้ปัจจุบันมีหลักฐานและภาพถ่ายของประโนตย์เหลืออยู่ไม่มากนัก ประโนตย์ เธอเกิดเมื่อปี 2481
เป็นบุตรของนายยงค์ และหม่อมหลวงหญิง บุญนาค วิเศษแพทย์
ซึ่งเป็นครอบครัวมีฐานะดี ประโนตย์มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน
และด้วยความที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้าน
จึงเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่
ประโนตย์เติบโตขึ้นท่ามกลางการถูกรุมล้อมด้วยพี่น้องที่เป็นผู้หญิงทั้งสี่
และค่อย ๆ
ซึบซับความอ่อนหวานเรียบร้อยแบบผู้หญิงของคนรอบข้างไว้อย่างไม่รู้ตัวหลังเรียนจบระดับประถมที่โรงเรียนใกล้บ้าน ย่านซอยสวนพลู ประมาณปี 2492
ด้วยความสนใจในการแสดงตั้งแต่เยาว์วัย และการสนับสนุนของผู้เป็นแม่
ประโนตย์จึงตัดสินใจสอบเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนาฏศิลป์ โรงเรียนนาฏศิลป กรมศิลปากร หรือ วิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน
นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นซึ่งต่อมาทำให้ประโนตย์เป็นที่รู้จักในชื่อของ
?สีดา? แล้ว
ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้เขาสามารถแสดงบุคลิกที่เบี่ยงเบนไปจากเพศที่แท้จริงของตนเองได้อย่างอิสระเสรีการสวมบทบาทสตรีเพศ และ ความอ่อนหวานงดงามของศิลปะ
เป็นส่วนส่งเสริมให้ร่างกายและจิตใจของประโนตย์
เปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว
สามารถแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้ตามอย่างที่ใจปรารถนา
เพราะขณะนั้นสภาพสังคมไทยยังไม่ยอมรับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ
ประโนตย์ในวัย 14 ปี จึงมักลักลอบหนีออกไปแสดงโขนกับบุคคลภายนอก
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางโรงเรียนนาฏศิลป์ขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด
รวมทั้งเริ่มคบหากับเพื่อนต่างโรงเรียนที่มีลักษณะเดียวกัน
และทำให้ชีวิตในโรงเรียนนาฏศิลป์ของประโนตย์สิ้นสุดลงในเวลาเพียง 3 ปีประโนตย์มีอิสระเสรีมากขึ้นและยังคงใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในแวดวงของนาฏศิลป์โขน
โดยร่วมกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน
ใช้วิชานาฏศิลป์ที่ติดตัวมารับแสดงโขนตามงานการกุศลต่าง ๆ
ซึ่งต่อมาได้สร้างชื่อเสียงให้เธอเป็นที่รู้จักในนามของ ?สีดา? สีดาคือนางในวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ ที่มีความงดงามอย่างมาก ช่วงเวลานี้เองที่ครูน้อย หรือ สุรพล โทณวณิก ได้มีโอกาสชมการแสดงของประโนตย์ และความสวยของเธอที่ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำ จึงกลายเป็นต้นกำเนิดของบทเพลง ?สีดา? ในอีก 22 ปีต่อมาความงามของ ปราโนตย์ วิเศษแพทย์
นี้เป็นที่โด่งดังมากในหมู่กะเทยในยุคนั้น
หลังออกจากการเป็นนักเรียนของวิทยาลัยนาฏศิลป์
เธอเริ่มเดินสายประกวดนับครั้งไม่ถ้วน ลงเวทีไหนเป็นต้องชนะเวทีนั้น
เรียกว่าสวยไร้คู่แข่ง
จนบรรดากะเทยร่วมรุ่นถึงกับข่มขู่เวทีประกวดสาวงามประเภทสอง ในยุคนั้นว่า ?ถ้าเวทีไหนมีปราโนตย์ นางโนตย์ อีโนตย์ (แล้วแต่จะเรียก) เข้าประกวด คนอื่นจะไม่ยอมลงประกวดด้วย? ในแวดวงสาวงามประเภทสอง มีการตั้งฉายาให้ ปราโนตย์ วิเศษแพทย์ ว่า ?นางงาม 50 มงกุฎ? การสวยแบบไร้คู่แข่งปราโนตได้พบรักกับชายหนุ่มชื่อ สมบูรณ์ ทั้งคู่คบหาและอยู่กินกันนานถึง 8
ปีเต็ม สุดท้ายก็เลิกรากันไปและนายสมบูรณ์ก็หันไปคบกับผู้หญิงอื่น
จนผ่านไปสองสามปี ปราโนตก็ได้มาเจอกับ สมชาย แก้วจินดา หรือ ชีพ
มีอาชีพขับรถรับจ้าง รูปหล่อ สุภาพ เรียบร้อย พูดจาดี
ทั้งคู่ตกลงปลงใจและย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านพักย่านซอยสวนพลู
แต่แล้วปัญหาเดิมก็กลับมาทำร้ายคนทั้งคู่ นั่นคือความหวาดระแวง หึงหวง
ครั้งหนึ่งทั้งคู่ได้ไปสาบานต่อกันที่วัดพระแก้วและศาลหลักเมืองว่า ?ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ขอให้ตายด้วยกัน ถ้าสีดาตายก่อน ชีพจะต้องตายตามไป แต่ถ้าชีพตายก่อน สีดาก็จะต้องตายตามไป?หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทะเลาะกันอีกหลายครั้ง
สุดท้ายจึงตัดสินใจแยกกันอยู่ ปราโนตคิดตลอดเวลาว่า เธอไม่ใช่หญิงแท้
เธอจึงระแคะระคายว่าชีพจะมีผู้หญิงอื่นมาติดพัน
จนเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่กลับมาทะเลาะกันอีกครั้ง
เรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ตอกย้ำความเชื่อของเธอจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ปราโนตได้ตัดสินใจดื่มยาพิษฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง
แต่ก็มีคนช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และในการดื่มยาพิษครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2510 ลมหายใจสุดท้ายของปราโนตก็หมดสิ้นลงอย่างโดดเดี่ยวในบ้านพักของเธอ เมื่อ ชีพ ทราบข่าวก็ได้แต่พร่ำพูดแต่ประโยคที่ว่า ?ผมจะตามพี่ไป พี่รอผมด้วย? พลางร้องไห้กอดศพของปราโนตแน่น เย็นวันเดียวกันนั้นเอง ชีพได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับปราโนตหลังจากสวดศพครบ 3 คืน เณรชีพตัดสินใจสึก
จากนั้นได้นำสมบัติที่ซื้อร่วมกันไปจำนำ และนำเงินที่ได้ไปให้แก่คนในบ้าน
และได้เขียนจดหมายสั่งเสียว่า ?ขอให้นำเงินจำนวนดังกล่าวนี้เพื่อทำศพของเขา
ขอให้พี่ๆ ช่วยเป็นภาระในการเลี้ยงดูแม่
ส่วนศพของเขาให้เอาไว้ที่วัดหัวลำโพงคู่กับศพของโนต? ต่อมา ชีพ ก็กินยาฆ่าแมลงและเสียชีวิตเมื่อตอนเที่ยงวันที่ 15 พฤษภาคม 2510 (เดือน ? ปีเดียวกัน)วัดหัวลำโพง
คือสถานที่บำเพ็ญกุศลให้กับดวงวิญญาญที่จากไปของประโนตย์
แต่หลังจากที่งานศพเสร็จสิ้นลงเพียงไม่กี่วัน
อีกหนึ่งชีวิตที่ผูกพันธ์ก็ติดตามไป เหมือนดั่งคำสาบานที่ได้ให้ไว้ต่อกัน ภาพของร่างไร้วิญญาณในโลงศพที่ตั้งเคียงคู่กัน ณ วัดหัวลำโพง เพื่อรอการฌาปนกิจ ได้สร้างความโศกสลดให้กับคนทั่วไป และยุติความแคลงใจของคนรอบข้างที่มีต่อความรักของทั้งสองได้อย่างสิ้นเชิง
หากยังมีขีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ปี 2559 ประโนตย์จะมีอายุ 78 ปี
ความงดงามของนางสีดาที่สามารถครอบครองหัวใจใครต่อใครในโลกละคร
แต่ความสวยของประโนตย์ กลับไม่สามารถฉุดรั้งคนที่เธอรักมากที่สุดไว้ได้