รู้ไหม? ทำไมชาวนาญี่ปุ่นจึงรวย ? พอรู้สาเหตุแล้ว ถึงกับทำให้เราต้องฉุดคิด? ขอแชร์ค่ะ

อ่าน 8,829

ในช่วงไตรมาส4 ของทุกปี เราจะพบว่า มีชาวญี่ปุ่น มาเล่นกอล์ฟ ที่ประเทศไทย มากมายหลายคนคงไม่รู้ว่า มากกว่าครึ่งนั้น พวกเขาคือชาวนาที่มาท่องเที่ยวพักผ่อน ชาวนาญี่ปุ่นรวย มีความสามารถที่จะกันเงินส่วนหนึ่งออกท่องเที่ยวไปทั่วโลกบางคนสงสัยว่า ทำไมชาวนาญี่ปุ่น จึงร่ำรวย ในขณะที่ชาวนาไทย จึงยากจน อย่าว่าแต่จะเก็บเงินไปท่องเที่ยวเลย เพียงแค่ให้สามารถดำรงชีพได้ ไม่เป็นหนี้ ก็ยังไม่สามารถทำได้ชาวนาญี่ปุ่น มาถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะญี่ปุ่นคิดและทำเอง แต่เพราะคนญี่ปุ่นมีวินัย เมื่อเห็นว่าใครมาวางพื้นฐานที่ดีให้ พวกเขาสานต่อและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นๆชาวนาญี่ปุ่นรวยเพราะ ญี่ปุ่นแพ้สงครามในสงครามโลกครั้งที่2 ในสงครามครั้งนั้น แม้จะสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเพราะโดนระเบิดปรมาณูถึง2 ลูก ที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ ผู้คนตายหลายแสน กัมมันตภาพรังสีตกค้างจนมีคนพิการมากมายเป็นล้านคนแต่ในความโชคร้ายนั้น ก็มีโชคดีที่ส่งผลให้ชาวนาญี่ปุ่นกลายเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง เป็นกลุ่มอาชีพ ที่ร่ำรวยจากการทำนา ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน

เมื่อสหรัฐอเมริกา ชนะสงครามเหนือญี่ปุ่น รัฐบาลสหรัฐได้ส่งกองกำลังทางทหารเข้าปกครองเหนือรัฐบาลญี่ปุ่น สหรัฐมองว่า การแพ้สงครามครั้งนี้ ญี่ปุ่นบอกช้ำมาก มากถึงระดับที่หากไม่แก้ไข ภาระความรับผิดชอบต่อการหิวโหย อดอยาก ขาดอาหารของประชาชนชาวญี่ปุ่น ต้องตกแก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา เป็นแน่แท้ในสมัยนั้น สภาพสังคมของญี่ปุ่น เจ้าของที่ดินรายใหญ่ จะเป็นราชวงศ์ ขุนนาง และพ่อค้าคหบดี เท่านั้น ชาวนาส่วนใหญ่ ต้องเช่าที่ดินของคนกลุ่มนี้ ซึ่งราคาค่าเช่า ขึ้นอยู่กับเจ้าของที่ดิน อีกทั้งเมื่อเกิดผลผลิตขึ้นมา ต้องขายให้เจ้าของที่ดิน เพราะภาวะหลังสงคราม อาหารไม่เพียงพอ ผลผลิตข้าว จะตั้งราคาขายให้สูงอย่างไรก็ได้ ผลที่เกิดขึ้นคือ ชาวนาผู้ปลูกยากจน แต่เจ้าของที่ดินร่ำรวยมหาศาลในปี 1946 รัฐบาลสหรัฐ จึงใช้อำนาจทางทหาร สั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่น ปฏิรูปที่ดิน ทั้งประเทศ โดยบังคับให้เจ้าของที่ดินรายใหญ่ ที่กล่าวมาแล้ว ข้างต้น ขายที่ดินให้รัฐบาล ใครคัดค้านโดนจับโดนยึดทรัพย์ แล้วรัฐบาลก็เอาที่ดินเหล่านั้น มาแบ่งขายให้เกษตรกร ที่ทำการเกษตรด้วยตัวเองแต่ไม่มีที่ดินทำกิน โดยให้สามารถผ่อนจ่ายได้ ตามรอบของผลิตผลที่ออกมา โดยราคาขายรัฐบาลตั้งไว้เป็นที่แน่นอน ไม่ขึ้นลงตามสภาพตลาดการนวดข้าวของชาวนาญี่ปุ่นในศตวรรษที่19ในภาวะ หลังสงคราม ของกินของใช้มีน้อย พ่อค้ากำหนดราคาขายที่สูงได้ เกิดภาวะเงินคั่งอยู่ในกลุ่มพ่อค้า แต่ผู้บริโภคไม่มีเงิน ขาดความสมดุล รัฐบาลต้องพิมพ์เงินเติมเข้าไปในกลุ่มผู้บริโภค จึงส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อ ค่าของเงินมีค่าต่ำ ข้าวกิโลกรัม เดียวต้องใช้เงินเป็น1000 เยน แต่ในความโชคร้ายนั้น กลับเป็นโอกาสให้ ชาวนามีเงินในมือมากพอที่จะชำระค่าที่ดินได้ เพราะราคาที่ดินไม่ได้ขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อมาตรการนี้ ได้รับการชื่นชมไปทั่วโลกว่าเป็นการปฏิรูปเชิงเกษตรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เพราะ นอกจากทำให้ชาวนามีที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว ยังเป็นการปลดพันธนาการ ระหว่างนายทุน นายเงิน กับ ชาวนา ออกจากกันได้ ทำให้ชาวนาเริ่มมีอิสระ ที่แท้จริงในการประกอบอาชีพ

ต่อมา เป็นกฎเกณฑ์สำคัญ ที่ทำให้ชาวนา เป็นอาชีพที่มั่นคง และร่ำรวยในปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่นนั้น ไม่ใช่ใครอยากจะทำนาก็เข้าไปทำได้ คนจะเป็นชาวนาได้ ต้องใช้วิธีสืบทอด เท่านั้น หมายถึงพ่อเป็นชาวนา เมื่อพ่อทำไม่ไหว คนที่จะทำต่อได้ต้องเป็นลูกหรือผู้เข้ารับมรดก แทนที่เท่านั้น หากประชาชนทั่วไป อยากมาทำนา ต้องเข้าระบบสหกรณ์ รัฐจะจัดสรรที่ดินให้ทำ โดยไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวมาถึงตรงนี้ พอเห็นภาพแล้วใช่ไหมว่า การทำนาในประเทศญี่ปุ่น ถูกควบคุมด้วยปริมาณ ทำให้รัฐบาลรับรู้ถึงผลผลิตที่จะออกมาว่า เกินการบริโภคภายในจำนวนเท่าไร ส่วนที่เกินจะเอาไปขายที่ใหนการปลูกข้าวที่ญี่ปุ่น ใช้รถปลูกข้าวเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่อมา เป็นยุคของการพัฒนาในปี 2005 เกิดการปฏิวัติเขียว คือการเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่เข้ามาใช้ในวงการเกษตร (ผมเคยเขียนไปแล้วเรื่องการปฏิวัติเขียว) ญี่ปุ่นก็ขึ้นขบวนรถไฟขบวนนี้ด้วย(แต่ไทย ไม่รู้แม้กระทั่ง มีรถไฟขบวนนี้ ฮา)ญี่ปุ่นได้ทำการวิจัย เพื่อสร้างข้าวพันธุ์ใหม่ขึ้นมาด้วยวิธีการตัดต่อยีน โดยตั้งโจทย์ของงานวิจัยไว้ว่า1.ทนทานโรคและแมลง2.ทนอากาศหนาว3.ต้นเตี้ย4.แตกกอดี5.ผลผลิตสูง6.ปริมาณสารอาหารสูง7.รสชาติดี8.ระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้น9.ตอบสนองการเจริญเติบโต ด้วยสารอาหารจากอินทรีย์ (ศูนย์วิจัยข้าวไทย กระตุ้นด้วยเคมีล้วนๆ มูลนิธิข้าวขวัญทำข้าวอินทรีย์ต้องใช้วิธีค่อยๆเก็บพันธุ์ด้วยตนเอง)10.เมื่อนำไปสี ได้ปริมาณข้าวสารเมล็ดเต็มสูง(ข้าวญี่ปุ่นได้ข้าวเมล็ดเต็ม 60% นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม จึงวิจัยออกมาให้ ข้าวญี่ปุ่นจึงเมล็ดสั้น ส่วนข้าวไทย ได้ข้าวต้น (ข้าวเต็มเมล็ด) 40-45% ข้าวหักใหญ่(ยี่จ้อ) 5% ข้าวหักกลาง(ซาห่อ) 5-10% ข้าวหักเล็ก(ก๊วย) 10-15% ที่เหลือเป็นรำ เป็นแกลบ)

ด้วยการวางมาตรการที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณผลผลิตของข้าวญี่ปุ่น ควบคุมได้ ไม่เกิดการล้นตลาดเป็นพันธุ์เฉพาะตัว เพราะวิจัยสายพันธุ์ใหม่ มีสารอาหารสูง แปลงสภาพจากข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ได้ปริมาณสูง ถึง 60% จึงทำให้ราคาข้าวของญี่ปุ่นมีราคาสูงและนิ่ง ระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้น ทนสภาพอากาศ ทนต่อโรคและแมลง จึงเป็นผลให้มีต้นทุนการปลูกต่ำ เมื่อต้นทุนต่ำ ราคาขายสูง ชาวนาญี่ปุ่น จึงร่ำรวยอย่างที่เราเห็นกันลองเปรียบเทียบเอาเองครับว่า แต่ละช่วงเวลาของการพัฒนาการ ชาวนาไทย กับ ชาวนาญี่ปุ่น ต่างกันมากมายขนาดใหน วิสัยทัศน์รัฐบาลเรา กับรัฐบาลเขา จากอดีต จนถึงปัจจุบันแตกต่างกันอย่างไร ชาวนาเรากับชาวนาเขามีวินัย แตกต่างกันอย่างไร ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงสวัสดิการ โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนนคอนกรีต ที่รัฐบาลทำไปจนถึงที่นาให้ขนปัจจัยและผลผลิต ระบบไฟฟ้า ที่ทำไปถึงที่นาให้สูบน้ำ เลยนะครับ



บทความแนะนำ


ข่าวล่าสุดชลบุรีRimPacificดูดวงทายนิสัยภาพยนตร์ทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก