เปิดกรุความเชื่อ!! "เหล็กไหล" หนึ่งใน ธาตุกายสิทธิ์ที่มีเทวดาหรือเทพปกปักดูแลรักษา

เหล็กไหล เป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนื่งในความเชื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมากมายหลายชนิดแพร่หลายที่สุดจะฝังตัวอยู่ในถ้ำมีลักษณะสีดำคล้ายนิล เชื่อกันว่าในการไปเอาเหล็กไหลนั้นจะต้องใช้น้ำผึ้งชโลมก้อนเหล็กไหลแล้วใช้ไฟลนเหล็กไหล และเหล็กไหลจะยืดออกมากินน้ำผึ้งไปพร้อมกับเล่นไฟด้วย จนกระทั่งบางเท่าเส้นด้ายถึงจะตัดขาด (ทั้งนี้กล่าวกันว่าคนธรรมดานั้นไม่สามารถตัดเหล็กไหลเองได้เนื่องจากมีเทพเจ้า เจ้าป่า เจ้าเขา พญานาคหรือยักษ์รักษาอยู่ ที่พร้อมจะเข้าทำร้ายผู้เข้าไปเอาเหล็กไหล ถ้าผู้นั้นไม่ใช่คนดีมีบุญหรือมีวิชาอาคมแกร่งกล้าพอ ตัวเหล็กไหลนั้นก็มีฤทธิ์ขัดขืน เช่นมีผู้กล่าวว่า เคยมีคนเข้าไปตัดเหล็กไหลโดยเอามือไปจับเหล็กไหลแล้วมีอาการคล้ายถูกฟ้าผ่าหรือถูกไฟฟ้าแรงสูงดูดเป็นต้น) เหล็กไหลที่ได้นี้กล่าวกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้ที่ได้ครอบครองมักฝังไว้ตามตัว และจะไม่มีอะไรที่ทำร้ายผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลได้ ทั้งมีด ปืน หรือแม้กระทั่งระเบิด ดินปืนทุกชนิดไม่สามารถจุดติดได้ในอาณาเขตที่มีเหล็กไหลอยู่

ในความเชื่อนี้กล่าวอีกว่าเหล็กไหลยังแบ่งเป็น 3 ระดับหรือ 3 ชนิด คือ

ระดับแรก ตัวเหล็กไหลเอง แวววาว เป็นส่วนที่ลนไฟให้ยืดได้ เป็นส่วนที่มีอิทฤทธิ์มากที่สุด เช่น เหล็กไหลปีกแมลงทับหรือเหล็กไหลโกฐปี เหล็กไหลเงินยวงหรือเหล็กไหลชีปะขาว เหล็กไหลเพชรดำ เหล็กไหลท้องปลาไหล

ระดับสอง รังเหล็กไหล มีลักษณะแวววาวรองจากตัวเหล็กไหล ไม่สามารถลนไฟให้ยืดได้ เป็นส่วนที่ห่อหุ้มตัวเหล็กไหลไว้เป็นฐานรองเหล็กไหลแข็งแน่นติดกับผนังถ้ำ เช่น โคตรเหล็กไหล แร่เกาะล้าน แร่เม็ดมะขาม เหล็กไหลทรหด

ระดับสาม ขี้เหล็กไหล มีลักษณะคล้ายน้ำตาเทียน ดำด้าน แข็งแต่ทุบให้แตกได้ง่าย เกิดจากการที่เหล็กไหลเคลื่อนผ่านทางนั้นแล้วเกิดขี้เหล็กไหลขึ้นมากล่าวว่าแทบไม่มีฤทธิ์ใดๆ

ในแง่วิทยาศาสตร์ เหล็กไหลก็คือ โลหะหรือวัสดุอื่นที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเช่นอุกกาบาตจากนอกโลก ซิลิเกตจากใต้โลก และที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นเช่น ปรอทแกลเลียม ซึ่งสามารถหลอมเหลวได้ในอุณหภูมิห้อง หรือโลหะสมอื่น ๆ สีสันที่ดูเหมือนสีรุ้งเกิดขึ้นจากการแทรกสอดในฟิล์มบาง (thin-film interference) คือ การแทรกสอดของแสงที่สะท้อนออกมาจากเนื้อวัตถุ นั้นเอง