การให้ "อภัยทาน" ยิ่งให้บุญยิ่งเพิ่ม เป็นทานขั้นสูงสุด!
การที่เราสามารถสร้างอภัยทานให้เกิดมีขึ้นในตัวได้นั้น ถือเป็นการชำระจิตใจของเราได้เป็นอย่างดี ทานที่เป็นทรัพย์ภายในที่ทรงคุณค่าและสูงค่าที่สุดก็คือ
อภัยทาน
เพราะแม้เราจะได้ชื่อว่ากระทำธรรมทานสอนและแนะนำให้ผู้อื่นได้กลับตัวได้รู้ธรรมได้มากเพียงใดแม้จะให้มากโดยชักชวนคนไปฟังธรรมสัก 100 ครั้ง หรือสั่งสอนคนให้กลับตัวเป็นคนดีได้มากถึง 100 คนก็ได้บุญและอานิสงส์น้อยกว่าการให้ "อภัยทาน"
แม้จะให้เพียงครั้งเดียวได้การรู้จักให้อภัยทานนั้น หมายถึง
การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทร้ายต่อคนอื่น
แม้แต่ผู้ที่เป็นศัตรูซึ่งจะได้บุญกุศลและอานิสงส์แรงที่สุดในการทำทานทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นทานประเภทที่เป็นทรัพย์ภายนอกหรือทรัพย์ภายในก็ตามเพราะการให้อภัยทานนั้นเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อลดละสิ่งที่เรียกว่าโทสะกิเลส และเป็นการเจริญ พรหมวิหารธรรมพรหมวิหารธรรมนั้นจะเป็นคุณธรรมที่เรียกได้ว่า
ทำได้ยากในบุคคลธรรมดาด้วยการมีความเมตตาคือปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข
มีความกรุณาปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มีความมุทิตา
คือยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุขไม่อิจฉาริษยา และ
ความมีอุเบกขารู้จักวางเฉยอย่างมีปัญญาเมื่อผู้ที่สามารถฝึกจิตใจตนให้มีพรหมวิหารธรรมกำกับอยู่ก็จะสามารถให้อภัยทาน
ได้สำเร็จสามารถละได้ซึ่งความพยาบาทไม่ต้องติดกรรมซึ่งกันและกัน
ด้วยเหตุนี้การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็นที่สุดแต่ก็ได้ผลประโยชน์สูงสุดด้วยเช่นกันนั่นคือก่อให้เกิด "อโหสิกรรมผล"กรรมที่หมดโอกาสให้ผล เรียกว่า "อโหสิกรรม"คือไม่มีเหตุให้เกิดผลแห่งกรรมใดๆ
ต่อกันอีก เป็นการสร้างกรรมดีไว้มากเสียจนกรรมเก่าตามไม่ทัน
หรือเป็นกรรมที่เจ้ากรรมนายเวรหรือคนที่ได้รับความทุกข์เพราะตัวเราเป็นต้นเหตุแม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งก็ตาม
ซึ่งเขาเหล่านั้นได้รับการชดใช้แล้วจึงไม่มีเหตุให้ต้องผูกมัดมาใช้เวรให้กรรมร่วมกันอีก
เลิกแล้วต่อกันไปโดยปริยาย