เวลาใดบ้าง?! ที่ไม่สมควรจะไปวัด

อ่าน 7,443

มีอีกข้อหนึ่งที่ศาสนิกชนเช่นเรา ๆ ควรทราบว่ามีบางวันเวลาที่ไม่สมควรจะไปวัดซึ่งในที่นี้หมายถึงช่วงเวลา ?กลางวันบางช่วง?

เท่านั้น

เนื่องจากพระภิกษุในวัดท่านจะมีกิจที่ต้องทำซึ่งเป็นกิจของสงฆ์โดยเฉพาะ

ถ้าเราไปวัดในวันและเวลาดังกล่าวแล้วก็จะไม่มีโอกาสไปทำบุญหรือพูดคุยได้สะดวกและอาจเป็นการรบกวนท่านอีกด้วย

ไปวัดในวันโกน

วันโกนคือ วันที่พระท่านต้องทำกิจคือ โกนผม โกนหนวด ตัดเล็บ

ปฏิบัติตามกฎของท่านที่จะไว้ผมยาวได้ไม่เกิน 2 เดือน หรือ 2 นิ้ว

ไม่ไว้หนวดเครา ไม่ไว้เล็บยาว ไม่ให้ขนจมูกยาวเป็นต้น

ซึ่งวันโกนนับง่ายๆว่า เป็นวัน ?ก่อนหน้าวันพระ 1 วัน? คือวันขึ้น 7

ค่ำกับวันแรม 7 ค่ำ และ วันขึ้น 14 ค่ำ กับแรม 14 ค่ำ หรือไม่ก็ตรงกับ แรม

13 ค่ำถ้าเป็นเดือนขาด ซึ่งช่วงเวลากลางวันของวันนี้ยังไม่ควรไปรบกวนท่าน

ไปวัดในวันสวดปาติโมกข์

กิจของพระอีกอย่างหนึ่งคือทุกครึ่งเดือน (วันที่ 15 หรือวันที่ 30,31)

พระท่านจะต้องลงโบสถ์ฟังสวดปาติโมกข์ซึ่งเป็นการฟังการสาธยายทบทวนศีล 227

ข้อที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ให้ในวันมาฆบูชานั่นเอง ช่วงเวลากลางวันในวันนี้ก็ไม่สมควรจะไปวัด เพราะท่านต้องทำกิจสำคัญอันเป็นการรบกวนท่าน

ช่วงเวลากวาดและทำความสะอาดวัด

ช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆประมาณ 4-5

โมงเย็นของในแต่ละวัดจะมีกิจที่พระสงฆ์ต้องร่วมกันทำ

ซึ่งปกติท่านก็สามารถทำได้ทั้งวันอยู่แล้ว

ซึ่งแต่ละวัดอาจไม่เหมือนกันแต่จะมีช่วงเวลาที่ พระภิกษุ สามเณร

ไม่เว้นแม้แต่เจ้าอาวาส

ท่านจะออกมาร่วมกันกวาดและทำความสะอาดวัดพร้อมกันทั้งหมด

นอกจากเป็นการทำความสะอาดให้วัดน่าดูแล้ว

ยังเป็นการฝึกฝนขัดเกลาจิตใจของพระท่านอีกทางหนึ่ง

ผู้ที่จะไปวัดนั้นควรสอบถามหรือศึกษารายละเอียดข้อปฏิบัติของวัดนั้น

ๆจากพระในวัดให้ดีก่อน

ช่วงเวลาที่พระท่านกำลังปฏิบัติธรรม

การไปรบกวนพระสงฆ์ที่ท่านกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ก็กลายเป็นบาปได้เช่นกันไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ซึ่งเป็นกันมากในหมู่คนที่ไปทำบุญที่วัดและสำนักปฏิบัติธรรม

โดยคิดแต่ประโยชน์ความสะดวกส่วนตนโดยไม่นึกถึงพระ ทั้ง

ๆที่พระท่านกำลังปฏิบัติธรรมอยู่

เรื่องนี้มีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงผลเสียอย่างชัดเจน จากคำบอกเล่าของ

หลวงปู่ ดุลย์ อตุโล พระอริยเจ้าสำคัญอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย

ท่านได้เมตตาบอกกล่าวเอาไว้ว่า.....

ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์หลวงปู่ผู้สนใจธรรมปฏิบัติกำลังนั่งภาวนาเงียบอยู่

ไม่ห่างจากท่านเท่าใดนัก บังเอิญมีแขกมาหาลูกศิษย์ผู้นั้นแต่ไม่เห็น

ก็มีศิษย์อีกท่านหนึ่งเดินเรียกชื่อท่านผู้กำลังนั่งภาวนาอยู่ด้วยเสียงอันดัง

และเมื่อเดินมาเห็นศิษย์ผู้นั้นกำลังภาวนาอยู่

ก็ยังไปจับแขนดึงท่านขึ้นมาทั้งที่ท่านกำลังนั่งภาวนา

เมื่อผู้นั้นห่างไปแล้ว หลวงพ่อปู่ดุลย์ ท่านจึงเปรยขึ้นมาว่า

"ในพุทธกาลครั้งก่อน

มีพระอรหันต์องค์หนึ่งกำลังเข้านิโรธสมาบัติ

ได้มีนกแสกตัวหนึ่งบินโฉบผ่านหน้าท่านพร้อมกับร้อง "แซก"

ท่านว่านกแสกตัวนั้นเมื่อตายแล้วได้ไปอยู่ในนรก

แม้กัปนี้พระพุทธเจ้าผ่านไปได้พระองค์ที่สี่แล้ว

นกแสกตัวนั้นก็ยังไม่ได้ขึ้นมาจากนรกเลย?

ซึ่งก็หมายความว่า

การที่คนเรานั้นไปขัดขวางการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์นั้นไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามจะเป็นบาปอย่างมหันต์โดยที่หลายคนอาจจะไม่รู้ตัว

การไปขัดขวางการปฏิบัติธรรมหรืออะไรก็ตาม จริงๆ

แล้วต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก ดูที่กฎแห่งกรรม

ถ้าเป็นกรรมที่ไม่ได้มีเจตนาหรือขาดเจตนาก็อาจจะกลายเป็นอโหสิกรรมได้

ดังนั้นควรระมัดระวังตนให้ดีและ รู้จักสำรวมทั้งกาย วาจา ใจ

วัดนั้นเป็นสถานที่ที่เราสามารถไปได้บ่อย ๆ ก็จริงแต่อย่างไรก็ตาม วัด

ถือเป็นสถานที่ประกอบบุญอันมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวของสถานที่อยู่แล้วรวมถึงพระในวัดด้วย

เราต้องรู้จักกาลเทศะ คือ

รู้ทั้งเวลาและโอกาสอันเหมาะสมจึงจะได้บุญอย่างที่ปรารถนา



บทความแนะนำ


ข่าวล่าสุดแก๊งลักเด็กการศึกษาข่มขืนทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก