เรื่องราว หลวงปู่ทวด และที่มาของตำนาน "เหยียบน้ำทะเลจืด"
คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ
หลวงปู่ทวด อย่างแน่นอน แต่เชื่อว่า ยังมีอีกหลายคนไม่รู้ว่า คำว่า "
เหยียบน้ำทะเลจืด " ที่ต่อท้ายชื่อของท่าน มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่!
วันนี้จะมาเฉลยให้อ่านกันค่ะ
เมื่อครั้งเด็กชายปู
(หลวงปู่ทวดวัยเด็ก) อายุได้ 7 ขวบ
นายหูผู้เป็นพ่อนำไปฝากเรียนหนังสือกับท่านสมภารจวงที่วัดกุฎีหลวง
(วัดดีหลวง) เด็กชายเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบปฎิภาณดีมาก
สามารถอ่านเขียนภาษาไทยและภาษาขอมได้อย่างรวดเร็ว
เมื่ออายุได้
15 ปี ท่านสมภารจวงให้เด็กชายปูบวชเป็นสามเณร
นายหูจึงมอบลูกแก้วคู่บารมีเด็กชายให้ไว้คุ้มครอง
เมื่อบวชแล้วสมภารจวงนำสามเณรปูไปฝากไว้กับท่านพระครูสัทธรรมรังษีที่วัดสีหยัง
(วัดสีคูยัง) เพื่อเรียนหนังสือวิชามูลกัจจายน์
ซึ่งเป็นวิชาที่ภิกษุสามเณรชาวใต้ศึกษาเล่าเรียนกันมาก
จากนั้นก็เดินทางไปศึกษาต่อที่วัดสีมาเมือง
ที่เมืองนครศรีธรรมราชสามเณรปูเรียนที่นี่จนอายุครบอุปสมบท
จึงไปอุปสมบทที่อุโบสถกลางคลองแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาเรียกว่า ท่าแพ
มีพระครูกาเดิมเป็นพระอุปัชฌาย์และได้ฉายาว่า ?สามีราโม?
ซึ่งต่อมาชาวบ้านพากันเรียกว่า ?เจ้าสามีราม?
เมื่อเจ้าสามีรามอยู่ศึกษาที่เมืองนครศรีธรรมราชจนเพียงพอแล้ว
จึงคิดไปศึกษาต่อด้านวิปัสสนาธุระที่กรุงศรีอยุธยา
ซึ่งในสมัยนั้นมีพระอริยเจ้าชั้นสูงที่แตกฉานในปฏิสัมภิทาญาณ 4
มีฤทธานุภาพจำนวนมาก
ท่านจึงได้กราบลาครูกาเดิมและขอโดยสารเรือสำเภาของนายอินทร์
ซึ่งกำลังจะไปค้าขายที่กรุงศรีอยุธยา
หลังจากล่องเรือสำเภาออกสู่ทะเลอย่างปลอดภัยมา
3 วัน 3 คืน ก็เจอเหตุการณ์ท้องทะเลแปรปรวนวิปริต
ท้องฟ้ามืดมัวเกิดพายุฝนลมแรง
ทำให้เรือแล่นต่อไปไม่ได้ต้องจอดทอดสมอสู้คลื่นลมอยู่ 3 วัน 3
คืนพายุจึงสงบลง ช่วงนั้นเองบนเรือน้ำจืดหมดลง
ทำให้คนในเรือขาดน้ำดื่มและน้ำเพื่อหุงต้มอาหาร
นายอินทร์และลูกเรือไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน
รู้สึกโมโหและพาลเข้าใจว่านี่คืออาถรรพณ์เหตุร้ายที่พาเจ้าสามีรามลงเรือมาด้วย
จึงไล่เจ้าสามีรามลงเรือเล็ก หวังจะปล่อยท่านกลับสู่ฝั่งตามยถากรรม
ขณะที่เจ้าสามีรามอยู่ในเรือลำเล็ก
ท่านได้เข้าฌานสมาบัติแล้วอธิษฐานจิตด้วยฤทธิ์อภิญญา
จากนั้นยื่นเท้าลงไปในน้ำทะเล
ทันใดนั้นน้ำทะเลที่ท่านเหยียบก็เกิดประกายสีขาวเรืองรองเป็นวงขนาดใหญ่เท่าล้อเกวียน
ท่านบอกให้ลูกเรือตักน้ำตรงนั้นขึ้นมาลองดื่ม
ปรากฏว่าน้ำนั้นเย็นฉ่ำจืดสนิทเหมือนน้ำฝนเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ
พวกลูกเรือต่างดีใจช่วยกันตักน้ำใส่ถังจนเต็ม
นายอินทร์และลูกเรือเมื่อเห็นความอัศจรรย์และอิทธิฤทธิ์ของเจ้าสามีรามต่างพากันหวาดกลัวในบาปกรรมที่ได้ทำ
จึงพร้อมใจกันนิมนต์เจ้าสามีรามกลับขึ้นเรือสำเภา
แล้วพากันกราบไหว้ขอขมาเป็นการใหญ่
เนื่องจากเจ้าสามีรามเจริญฌานเมตตาอยู่เป็นนิจจึงให้อภัยและไม่คิดโกรธเคืองถือสาหาความ
จากนั้นทั้งหมดก็ได้เดินทางต่อไปอย่างราบรื่น
เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว นายอินทร์นิมนต์ให้เจ้าสามีรามพักที่วัดแค
และให้อ้ายจันทาสของตนอยู่รับใช้อุปัฎฐากเจ้าสามีรามเป็นอย่างดี
แล้วนายอินทร์ก็ขอกราบลาไปขายสินค้าและเดินทางกลับไปหัวเมืองทางใต้
ส่วนสามีรามศึกษาธรรมะต่อที่วัดลุมพลีนาวาส
เมื่อนายอินทร์กลับมายังกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง
เขานิมนต์เจ้าสามีรามให้ไปพักที่วัดสมเด็จพระสังฆราชเจ้าสามีรามจึงย้ายมาศึกษาธรรมะและบาลีอยู่ที่วัดแห่งนี้จนเชี่ยวชาญ
ก่อนกราบลาสมเด็จพระสังฆราชไปจำพรรษาอยู่ที่วัดราชานุวาสซึ่งเป็นวัดป่าฝ่ายอรัญวาสี
อยู่นอกกำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ที่เหมาะแก่การเจริญกรรมฐาน
ขอบคุณเนื้อหาจาก:www.goodlifeupdate.com