ทำอย่างไรให้ "ดวงดี" มีปาฏิหาริย์อยู่เสมอ!!!
คนเรานั้นในสมัย
ก่อน?หรือแม้แต่ในสมัยนี้อาจจะยังไม่เข้าใจในอำนาจของ?กรรม?
ดีพอเรารู้แต่ว่าต้องมีอำนาจอะไรสักอย่างหนึ่งที่มีอำนาจมาก
ที่ดลบันดาลและกุมโชคชะตาชีวิตของคนเรานั้นให้ไปในทิศทางต่างๆหรือเกิด
เรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดกับชีวิตได้ ประเภททำไมจู่ๆ
ถึงมีเงินทองขึ้นมาหรืออยู่ดีก็สิ้นเนื้อประดาตัว
หรืออาจจะมีเรื่องอะไรร้ายๆ เข้ามาในชีวิต
เมื่อไม่รู้ว่าเป็นอำนาจอะไร?ชื่อว่าอะไรก็เลยเหมาๆ ไปเรียกว่า? ดวง?
ก็แล้วกันใครทำอะไรสำเร็จ
มีโชคลาภเข้ามาบ่อยๆทำอะไรสำเร็จโดยง่ายก็มักจะเรียกว่าเป็นคน ?ดวงดี?ทั้งๆ
ที่กรรมดีของตนที่ทำมานั่นแหละส่งผลเองไม่ใช่?ดวง? อะไรที่ไหน
คนที่ทำอะไรไม่สำเร็จ มีแต่เรื่องร้ายๆ
เข้ามาก็บอกว่าเป็นคนดวงไม่ดีแทนที่จะบอกว่าเป็นกรรมไม่ดีที่ทำมานั้นส่งผล
ซึ่งเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมทั้งสิ้น
ในสมัยพุทธกาลเอง?ก็มีผู้คนที่เชื่อเรื่องอำนาจดลบันดาลโชคชะตามากและสรุป
กันเองจนตั้งขึ้นมาเป็นลัทธิกันมากมายแต่พอจะสรุปได้ 3 ลัทธิความเชื่อใหญ่ ๆ
คือ
1.
พวกที่ถือว่าอะไรๆ
ที่เกิดขึ้นในชีวิตก็เป็นเพราะกรรมที่ทำไว้ในปางก่อนชาติที่แล้วมาพวกนี้ไม่
เชื่อในกรรมใหม่ในชาติปัจจุบันที่ส่งผลด้วย ลัทธิของคนพวกนี้เรียกว่า ?ลัทธิปุพเพกตวาท?
2.
พวกลัทธิที่สอง พวกนี้จะเชื่อว่าการที่คนเราจะเป็นอะไรๆจะดีหรือชั่ว
จะจนหรือรวยร่างการพิกลพิการหรือสมบูรณ์นั้นก็เพราะเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
บันดาลหรือพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้เป็นไป พวกนี้เรียกว่า ? อิสสรนิมมานเหตุวาท? หรือ ? ลัทธิอิศวรนิรมิตวาท?
3.
พวกลัทธิสุดท้ายนั้น
พวกนี้ถือว่าสิ่งทั้งหลายอะไรจะเกิดขึ้นไม่มีเหตุปัจจัย
แล้วแต่ความบังเอิญเป็นไป ลัทธิโชคชะตา พวกนี้เรียกว่า ?อเหตุอปัจจยวาท? หรือ? ลัทธิอเหตุวาท?
ซึ่งความเชื่อ
เหล่านี้?สวนทางและขัดกับพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาแห่งปัญญาที่รู้แจ้งแทงตลอด
ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมหรือการกระทำของตนเองเท่านั้นเป็นศาสนาแห่งการ
ลงมือกระทำเป็นศาสนาที่เชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ไม่เชื่อในอำนาจอื่นใดดล
บันดาล หลักพุทธธรรมทุกหลักธรรมมุ่งให้มนุษย์แก้ปัญหาด้วยปัญญาของตนเอง
ดัง
นั้นในที่นี้ เมื่อพูดถึงคำว่า ?ดวงดี?ขอให้เข้าใจตรงกันว่าคือ
?กรรมดี?คนดวงดีก็คือคนที่หมั่นสร้างกรรมดีสามารถเอาชนะความชั่วได้ยิ่งชนะ
ได้มากแค่ไหนหมั่นสร้างกรรมดีมากแค่ไหนดวงก็ดีมากเท่านั้น?