ความเชื่อของคนโบราณว่า ฟันหักให้โยนขึ้นหลังคาบ้าน เพราะเหตุนี้

เคยได้ยินเรื่องราวที่คนโบราณสอนลูกหลานไหมว่า เวลาฟันหักให้โยนฟันซี่ที่หลุดออกมาขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพราะอะไร ความจริงอธิบายได้ว่าอย่างไร บทความนี้ Horoscope thaiza จะอธิบาย

ความเชื่อเรื่องฟันหักส่วนใหญ่จะสอนเด็กที่เริ่มผลัดฟันน้ำนม โดยคราใดที่ฟันหักและหลุดออกให้รีบยืนเท้าทั้งสองข้างชิดกันแล้วโยนซี่ฟันที่หักขึ้นหลังคาบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าฟันที่กำลังขึ้นใหม่จะเรียงชิดกันอย่างเท้าที่ยืนชิดกัน ความเป็นจริงคนโบราณต้องการสอนให้ลูกหลานตระหนักเรื่องการรักษาสุขภาพช่องปาก ทุกครั้งที่ฟันหัก เลือดหยุดไหลไม่ควรละเลยซี่ฟันที่หัก เด็กบางคนทิ้งลงขยะ ไม่ใส่ใจการงอกขึ้นใหม่ว่าจะต้องเรียงชิดกันอย่างเป็นระเบียบ คำสอนคนโบราณตรงที่ว่า ยืนเท้าทั้งสองข้างชิดกันแล้วโยนซี่ฟันที่หักขึ้นหลังคาบ้านเป็นการสอนให้เด็กใส่ใจว่าฟันแท้ที่งอกใหม่ต้องเรียงชิดกันโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงเพราะเมื่อโตเป็นสาว ฟันไม่สวยไม่เรียงชิดกันจะเป็นปมด้อยกับหญิงสาวไปตลอด ฟันน้ำนมอยู่กับเด็กได้ไม่นานจะไม่สวยคงไม่เป็นไร

คนไทยโบราณดูแลรักษาฟัน โดยทุบไม้ข่อยให้เหลือแต่ไยละเอียดจนฟู ทำความสะอาดฟัน ส่วนชาวจีนโบราณจะใช้แค่การอมน้ำกลั้วปากแล้วใช้นิ้วและผ้า ก้านต้นหลิวทำความสะอาดฟัน โดยจะนำก้านต้นหลิวแช่น้ำเวลาจะใช้ เคี้ยวที่ปลายก้านเส้นไยจะออกมาคล้ายกับขนแปรง และเริ่มมีการขายแปรงสีฟันสมัยราชวงศ์ซ้อง(สมัยเดียวกับเปาบุ้นจิ้น)ด้ามจับทำจากเขาสัตว์ ไม้ไผ่ขนทำจากหางม้า ลักษณะใกล้เคียงกับแปรงสีฟันยุคใหม่มากที่สุด คนรุ่นใหม่หลายคนเสียค่าใช้จ่ายและทนทรมานกับการจัดฟันเพราะฟันแท้ไม่สวย

นอกจากความเชื่อการโยนฟันที่กล่าวมา คนโบราณยังสอนลูกหลานว่าควรเคี้ยวหมากให้ฟันดำ ฟันจะแข็งแรง จนกระทั่งคนโบราณสูงอายุบางคนมีฟันดำเพราะเคี้ยวหมากเพราะความเชื่อว่าฟันจะคงทนไม่ผุ รวมทั้งการใช้ใบข่อยสีฟันจะทำให้ฟันสะอาดขจัดเศษอาหารออกตามซอกฟัน ฉะนั้นคนโบราณไม่เกิดปัญหาฟันผุเช่นเดียวกับคนรุ่นใหม่