ธรรมเนียมโบราณ "การถวายตัวในราชสำนัก"

อ่าน 5,609

จากภาพคือ เจ้านายฝ่ายในที่ประทับอยู่ในพระบรมหาราชวังในสมัยรัชกาลที่ 5

และภาพของแม่พลอยในขณะถวายตัวเป็นข้าพระบาทในเสด็จพระองค์หญิง

ในอดีตนั้นคำว่า ?ส่งเข้าถวายตัว? เปรียบเสมือนเป็นคำกายสิทธิ์ ที่เด็กๆได้ยินแล้วจะเกิดความตื่นเต้นเป็นพิเศษ

อาจมีทั้งอารมณ์ปราบปลื้มยินดีและหดหู่เสียใจในเวลาเดียวกัน

การเข้าถวายตัวนั้นก็คือการเข้าไปเป็นข้าทูลละอองพระบาทในพระเจ้าอยู่หัว หรือเหล่าพระมเหสีเทวีทั้งหลาย รวมไปถึงเหล่าพระราชวงศ์พระองค์อื่นอีกด้วย

โดยธรรมเนียมการเข้าถวายตัวนี้ถือเป็นธรรมเนียมโบราณมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้ที่เข้าถวายตัวนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้หญิงเล็กๆ

ไปจนถึงวัยดรุณีแรกรุ่นที่ล้วนแต่เป็นราชนิกุล

เป็นลูกหลานขุนนางบรรดาศักดิ์

เพราะเมื่อบุตรหลานของตนได้เข้าถวายตัวไปอยู่ในความดูแลของเหล่าพระราชวงศ์แล้ว

ก็จะกลายเป็นข้าหลวงเด็ก

ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของชาววังชั้นกลาง-สูง

แล้วจะได้รับการศึกษาอย่างชนชั้นสูง

เนื่องจากเจ้านายแต่ละพระองค์ก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่ได้รับการศึกษามาแล้วในทุกๆด้าน

ไม่ว่าจะเป็นด้านกริยามารยาทชั้นสูง ด้านภาษาต่างประเทศ

อักษรศาสตร์ งานเรือนชั้นสูง รวมไปถึงด้านการค้าการลงทุนอีกด้วย

จึงเรียกได้ว่า ในพระบรมมหาราชวัง

หรือวังหลวงนั้นเปรียบเสมือนศูนย์กลางที่รวมเอาความเจริญความทันสมัยในทุกๆด้านไว้มากที่สุดของประเทศ

เเละมีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศที่คนภายนอกยากที่จะเข้าถึง

ในการถวายตัวแต่ละครั้งนั้นผู้เข้าถวายตัวจะต้องเตรียมธูปเทียนแพ

เพื่อเชิญเข้าไปถวายแก่เจ้านายพระองค์นั้นๆ

และจะต้องทำการตกลงกันระหว่างเจ้านายพระองค์นั้นกับผู้ปกครองหรือผู้นำเข้าไปถวายว่า

เด็กคนนี้จะ ?ถวายเฉย? หรือ ?ถวายขาด? ซึ่งการถวายตัวทั้ง 2 แบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ การถวายเฉยจะคล้ายกับการเข้าไปอยู่โรงเรียนกินนอนประจำ

เมื่อเรียนจบหลักสูตรก็สามารถทูลลากลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ประกอบอาชีพมีครอบครัวตามที่อยากจะเป็น

หรือประสงค์ที่จะเป็นข้าทูลละอองพระบาทต่อไปก็ยังได้

แต่หากเป็นการถวายขาดก็หมายความว่า ผู้ที่ถูกถวายตัวนั้นเมื่อได้รับการศึกษาเลี้ยงดูอย่างสตรีชั้นสูงแล้วก็จะเป็นข้าทูลละอองพระบาทอยู่ในวังหลวงต่อไป

ผู้ปกครองจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆนอกจากความเป็นพ่อและแม่

ดังนั้นผู้ถูกถวายตัวจะเป็นคนของเจ้านายพระองค์นั้น ตำแหน่งหน้าที่ที่ทำ

เช่น เป็นข้าหลวงคนสนิท หรือเลขา รวมไปถึงดูแลกิจการต่างๆ เป็นต้น

แต่ถ้าบุญพาวาสนาส่งก็อาจถูกถวายขึ้นไปเป็นสนมเจ้าจอมได้

และถึงแม้ว่าเจ้านายพระองค์นั้นสิ้นพระชนม์ไป ก็ยังต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์

หรือเป็นมรดกของหลวงต่อไป ทั้งอิสรภาพทางร่างกายและหัวใจ

จะสิ้นสุดกรรมสิทธิ์ในตัวก็ต่อเมื่อโปรดเกล้าให้พ้นสภาพการเป็นคนของหลวง

หรือกราบบังคมทูลลาออกจากการเป็นข้าหลวง และรอโปรดเกล้าต่อไป

เช่น จากเรื่องสี่แผ่นดิน ที่แม่แช่ม

แม่ของพลอยได้นำพลอยเข้าถวายตัวเป็นข้าทูลพระบาทในเสด็จพระองค์หญิง

เพื่อให้ได้รับการเลี้ยงดูและศึกษาอย่าสตรีชั้นสูง

โดยการถวายตัวในครั้งนั้นเป็นการถวายขาด

เมื่อพลอยโตเป็นสาวแล้วก็เป็นที่หมายปองของคุณเปรมผู้เป็นมหาดเล็กหลวง

ดังนั้นคุณเปรมจึงให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอตัวแม่พลอยมาจากท่านพระยาพิพิธฯ

ผู้เป็นพ่อของแม่พลอย ท่านพระยาพิพิธฯจึงกล่าวว่า

?เห็นทีจะลำบาก เพราะแม่แช่ม

แม่ของพลอยได้ถวายพลอยเป็นข้ารับใช้ในเสด็จพระองค์หญิงตั้งแต่ยังเล็ก

ถวายขาดซะด้วย ฉันจึงถือว่าพลอยเป็นกรรมสิทธิ์ของเสด็จพระองค์หญิง

การออกเหย่าออกเรือนเห็นทีจะเป็นพระธุระของเสด็จพระองค์หญิงท่าน?

เป็นประเพณีเพื่อเป็นการประดับเกียรติยศด้วย

เพราะถ้าบังเอิญหลานสาวหรือบริวารที่ได้ชุบเลี้ยงอบรมมานั้น

เป็นดรุณีรูปงามที่มีโอกาสติดหน้าตามหลัง

บังเอิญมีโชควาสนาดีเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย

ก็ย่อมเป็นความชื่นชมที่ได้นำเบิกถวาย

ทั้งจะได้มีบริวารอันมีเกียรติอยู่ในสังกัดด้วย เคยมีปรากฏว่า

เจ้าจอมบางท่านได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ

พระราชทานเกียรติยศทรัพย์สินเป็นอันมาก

บางทีก็ส่งผลพลอยได้ออกมาสู่ญาติพี่น้องให้มีความเจริญในหน้าที่ราชการ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามสมควร

ข้อมูลและภาพประกอบจาก คลังประวัติศาสตร์ไทย



บทความแนะนำ


การเดินทางความรักวันแม่ที่เที่ยวถนคนเดินวัวลายเชียงใหม่เที่ยวในประเทศร่างกายไขมันส่วนเกินรูปหน้าทรงผมทรงผมสั้นทรงผมประบ่าทรงผมถักเปียดูดวงดวงความรัก