7 น้ำมันบำรุงผิวหน้าจากธรรมชาติ ยิ่งใช้ยิ่งดี ผิวเด้งมาก
หากพูดถึงน้ำมันบำรุงผิวหน้า
สาวผิวมันส่วนใหญ่จะขอเซย์โนทันทีเพราะคิดว่าจะยิ่งทำให้หน้ามันไปกันใหญ่
และเมื่อผิวมันอยู่แล้ว ยิ่งใช้จะยิ่งเป็นสิวไหม?
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเลือกใช้แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เป็นสูตร Oil-Free
เพื่อไม่ให้มีน้ำมันไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เป็นสิวได้
แต่ในความเป็นจริงน้ำมันคือส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยรักษาความสมดุล
ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ ไม่แห้งหรือมันเกินไป
เมื่อผิวมีความสมดุลปัญหาผิวอื่นๆก็จะไม่ตามมา แถมช่วยไม่ให้สิวบุกอีกด้วย
ซึ่งเคล็ดลับผิวสมดุลด้วยการทาน้ำมันบำรุงผิวมีมาตั้งแต่ยุคสมัยอียิปต์โบราณ
คลีโอพัตราได้คัดสรรสารพัดน้ำมันมาประทินโฉมและผลลัพธ์ที่น่าทึ่งก็เป็นอย่างที่เราๆทราบกันตามตำนานว่าผิวของเธองดงามไร้ที่ติจริงๆสำหรับสาวผิวแห้งถึงผิวธรรมดายิ่งเหมาะกับการใช้น้ำมันบำรุงผิวเพราะผิวต้องการความชุ่มชื่นมากกว่าสาวผิวมัน
นอกจากนี้ก็ยังมีสาวๆที่เริ่มมีริ้วรอยมาถามหาก็ยิ่งต้องใช้เพราะริ้วรอยเป็นตัวบ่งบอกว่าผิวขาดความชุ่มชื่นอย่างรุนแรง
ดังนั้นไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหนก็ควรหาน้ำมันมาบำรุงเพื่อให้ผิวเกิดความสมดุลและชุ่มชื่น
ปัญหาผิวต่างๆก็จะไม่มากวนใจ
และต้องบอกเลยว่าน้ำมันนั้นมีคุณภาพประสิทธิภาพไม่แพ้ครีมบำรุงที่หลายคนกำลังใช้อยู่เลยทีเดียว
และเพื่อให้สาว issue247 เลือกน้ำมันบำรุงผิวได้ตรงความต้องการ
เราจึงมีคุณสมบัติของน้ำมัน 7 ชนิดมาฝากกัน อยากหน้าเด้งเบอร์ไหน
เลือกใช้กันได้เลย1. น้ำมันโจโจบา
เริ่มต้นด้วยน้ำมันที่สามารถดูแลผิวได้หลากหลายด้านอย่าง Jojoba Oil
หรือน้ำมันโจโจบาซึ่งหลายคนจะคุ้นหูกันดีเพราะน้ำมันชนิดนี้ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย
แต่จะดีกว่ามากถ้าเราได้บำรุงผิวด้วยน้ำมันโจโจบาแบบเพียวๆ
ด้วยความบางเบาที่แทบไม่ต่างจากน้ำมันซีบัมที่หล่อลื่นผิวตามธรรมชาติ
ทุกครั้งที่ทาจะซึมซาบได้เป็นอย่างดี
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีคือผิวหน้าที่เงาสวย
ใครที่ชอบผิววาวแบบสาวเกาหลีต้องลองเลย
นอกจากผิวเด้งๆแล้วยังช่วยต้านการอักเสบ เป็นสิวก็สามารถใช้ได้
ผิวแพ้ง่ายก็เหมาะเพราะมีความอ่อนโยน สำหรับใครที่เริ่มมีริ้วรอยก็เวิร์ค
นอกจากใช้กับผิวแล้วยังใช้บำรุงเส้นผมได้ด้วย ทูอินวันกันไปเลย
2. น้ำมันโรสฮิป
โรสฮิปก็เป็นน้ำมันอีกหนึ่งชนิดที่กำลังมาแรง
ขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างเซลล์ผิวและผลิตคอลลาเจน
เหมาะมากกับคนที่ต้องการสมานแผล เพราะมีวิตามินซี กรดไขมัน โอเมก้า3
โอเมก้า6 จะช่วยรักษาเนื้อเยื่อ
นอกจากนี้ยังมีกรดเรติโนซึ่งช่วยเรื่องการลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวสว่างใส
ให้ความชุ่มชื้น มอบความสมดุลให้ผิวไม่แพ้ง่าย
ลดอาการอักเสบและความแห้งกร้าน
และคุณสมบัติที่โดดเด่นมากคือการฟื้นฟูผิวที่ไหม้จากแสงแดดและรังสี
สำหรับข้อมูลที่ควรทราบสำหรับน้ำมันชนิดนี้คือไม่ควรใช้ทาผิวเพียงอย่างเดียว
แต่ควรตามด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้เป็นประจำอยู่ด้วย
เพราะแม้จะมีคุณค่าบำรุงที่ครบครันก็อาจทำให้ภาพรวมของผิวดูแห้ง
ถ้าใช้น้ำมันโรสฮิปเดี่ยวๆ
3. น้ำมันมะพร้าว
ขึ้นแท่นน้ำมันเพื่อความงามไปแล้วสำหรับน้ำมันมะพร้าวเพราะอยู่คู่ผู้หญิงรักสวยรักงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ
หลักๆคือเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับสาวผิวแห้งเนื่องจากขาดความชุ่มชื้น
ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งเป็นขุย แตก ลอก มีผื่นแพ้ แค่ใช้สำลีชุบน้ำอุ่น
บีบน้ำออก แล้วหยดน้ำมันมะพร้าว 2-3 หยด ทาให้ทั่วใบหน้า
ผิวหน้าจะกลับมาชุ่มชื้น ละเอียดขึ้น แถมจุดด่างดำจากสิวก็ลดเลือนลงด้วย
สำหรับสาวที่มีผิวแห้งมากๆสามารถทาที่ผิวหน้าโดยตรงได้
และแนะนำให้เลือกเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพราะจะยังคงคุณค่าของวิตามินอีเอาไว้
ในช่วงกลางคืนสามารถทาบางๆแทนครีมบำรุงผิวได้เลย
4. น้ำมันมะกอก
เป็นอีกหนึ่งชนิดน้ำมันที่อยู่คู่คนไทยมานานโดยเฉพาะการบำรุงเส้นผม
แต่น้ำมันมะกอกยังดูแลผิวของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
คุณสมบัติเด่นคือการต้านอนุมูลอิสระต้นเหตุของผิวแก่ก่อนวัย
ปกป้องหนังกำพร้าและช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
สำหรับผิวหน้าให้ทาน้ำมันมะกอกบางๆก่อนนอนทุกคืน
สำหรับผิวกายให้ผสมน้ำมันมะกอก 5 ช้อนชาลงไปในอ่างอาบน้ำ
แนะนำให้อุณหภูมิของน้ำมีความอุ่น
ความร้อนจะช่วยให้วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระซึมซาบสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยให้ขนตาและคิ้วดกดำอย่างเป็นธรรมชาติ
ใครที่อยากคิ้วเข้มหรือมีขนตาที่หนาขึ้นสามารถแตะน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลงบริเวณแนวขนตาและคิ้วทา
ทำอย่างต่อเนื่องจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
5. น้ำมันเมล็ดองุ่น
มาต่อกันที่น้ำมันเมล็ดองุ่นที่ได้รับตำแหน่งซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ไปครอง
เพราะมีโอลิโกเมริคโปรแอนโธไซยานิดีน (Oligomeric Proanthrocyanidin) หรือ
OPC ในปริมาณสูงมาก
ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี 20
เท่าและสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า แน่นอนว่าจะช่วยสาวๆ
ชะลอการเกิดริ้วรอย และหากต้องการการบำรุงอย่างเต็มที่ต้องเลือกแบบสกัดเย็น
น้ำมันเมล็ดองุ่นจะช่วยให้เซลล์อ่อนเยาว์และยืดอายุให้อยู่นานขึ้น
ที่สำคัญน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว
และสามารถจับกับโปรตีนที่เป็นโครงสร้างของคอลลาเจนในผิว
จึงช่วยปกป้องคอลลาเจนและผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดีและตึงกระชับ
นอกจากใช้บำรุงผิวอย่างล้ำลึกแล้วยังสามารถนำไปผสมกับน้ำมันโจโจบาสำหรับนวดผิวหน้าเพื่อล้างเครื่องสำอางได้อีกด้วย
6. น้ำมันละหุ่ง
สาวที่มีปัญหาสิวและผิวอักเสบบ่อยๆต้องลองหาน้ำมันละหุ่งมาใช้
ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบและเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของสิว
มีทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี โปรตีน และแร่ธาตุ
ทั้งหมดจะช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวรวมถึงป้องกันการเปลี่ยนสีและแผลเป็นจากสิวด้วย
แต่จุดด้อยคือน้ำมันชนิดนี้มีความข้นเหนียวหากใช้เดี่ยวๆจะทำให้ผิวแห้งเกินไป
วิธีแก้คือนำไปผสมกับน้ำมันชนิดอื่นอย่างน้ำมันโจโจบาหรือน้ำมันมะกอก
นอกจากจะช่วยให้ทาได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงผิว
ผิวไม่แห้ง โดยผสมน้ำมันละหุ่งกับน้ำมันอีกชนิดในปริมาณที่เท่ากัน
วิธีการใช้ที่แนะนำคือนำน้ำมันที่ผสมกันแล้วเทใส่มือประมาณ 1/4 ของฝ่ามือ
จากนั้นทาให้ทั่วใบหน้าที่แห้งสนิท ทิ้งไว้หนึ่งนาที แล้วชุบผ้าลงในน้ำร้อน
บิดหมาดๆ วางประคบบนใบหน้าประมาณ 30 วินาที
เมื่อเช็ดออกก็จะสัมผัสได้ถึงผิวหน้าที่เกลี้ยงเกลาขึ้นจนสังเกตเห็นได้
7. น้ำมันม้า
ปิดท้ายกันที่น้ำมันชนิดเดียวที่สกัดมาจากสัตว์อย่างน้ำมันม้า
เชื่อแน่ว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่
แต่บอกเลยว่าถ้าทำความรู้จักแล้วจะเซอร์ไพรส์มาก
น้ำมันม้าส่วนใหญ่สกัดมาจากผิวหนังส่วนโคนหางและบริเวณแผงคอของม้า
น้ำมันที่ได้จึงประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นหลักซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันที่ผิวของคนเรา
นอกจากจะซึมซาบสู่ผิวได้ดีและเติมความชุ่มชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
ยังช่วยป้องกันการระเหยน้ำจากผิวที่เป็นสาเหตุของการขาดความยืดหยุ่น
และที่สำคัญคือมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดและชะลอการเสื่อมของเซลล์หากใครยังไม่เคยลองเราขอแนะนำน้ำมันม้า Meiyoku
(เมโยกุ)น้ำมันม้าคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น
ที่เลือกสรรมาจากฟาร์มในจังหวัดคุมาโมโตะ
ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงม้าชั้นดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
อุดมไปด้วยสารที่ช่วยบำรุงผิว เช่น กรดอะมิโน, กรดไฮยาลูโรนิก, วิตามิน,
คอลลาเจน, growth factor เป็นต้น
โดยทั้งหมดจะทำงานร่วมกันเพื่อเติมความชุ่มชื่น ปกป้องผิวจากปัญหาผิวแห้ง
ปรับสภาพผิวให้เนียนเรียบ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
และคงความอ่อนเยาว์โดยเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ที่สำคัญ Meiyoku
ได้ผลิตพลาเซนต้าให้มีขนาดโมเลกุลที่แตกต่างเพื่อการทำงานในแต่ละชั้นผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ
โมเลกุลเล็กซึมเข้าสู่ส่วนลึกผิวหนังด้านใน
โมเลกุลกลางอยู่ที่ในชั้นเคราติน และโมเลกุลใหญ่อยู่เหนือชั้นเคราติน
ดังนั้นผิวทุกชั้นจึงได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เหมาะกับผิวบอบบาง แพ้ง่าย
ถือเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับความงามจากญี่ปุ่นที่สาวไทยต้องลอง
ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ผิวสวยใสชุ่มชื่นแบบสาวญี่ปุ่นพลาดไม่ได้เลยสาวๆคนไหนที่ตกหลุมรักคุณค่าของน้ำมันม้าที่สามารถทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ได้อย่างแตกต่าง
ทั้งมอบความชุ่มชื่น กักเก็บน้ำใต้ผิว เข้าฟื้นบำรุงผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย
ลดเลือนริ้วรอยเดิมและป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ ก็อย่าลืมไปหามาใช้กันดู
โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและติดตามแบรนด์ Meiyoku ได้ที่Facebook : www.facebook.com/meiyoku.thailand
หรือช้อปปิ้งออนไลน์ผ่าน Lazada : www.lazada.co.th/meiyoku
และร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ (LAB Pharmacy, P&F Super drug, Matsumotokiyoshi DRUG STORE)
จัดจำหน่ายโดยบริษัท ไทยเมจิฟาร์มาซิลติคัล จำกัด
>>> แล้วมาผิวสวยด้วยน้ำมันม้าไปด้วยกันนะคะ?