คดีสุดเฮี้ยน เมื่อผีโทรมาเล่าว่าตัวเองถูกฆ่าตาย!!! งานนี้ทำเอาหลอนกันทั้งประเทศ

หากย้อนกลับเมื่อปี พ.ศ. 2539 วัยรุ่นสมัยนั้นคงจะจำกันได้ดีกับเหตุการณ์สุดหลอน ที่เกิดขึ้นกับช่องรายการวิทยุชื่อดังของเชียงใหม่ ซึ่งเป็นรายการที่เปิดโอกาสให้คนเข้ามาเล่าเรื่องราวสิ่งเร้นลับที่เคยเจอมากับตัว แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อจู่ๆผีก็โทรมาเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง!!!

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาประมาณตี 1 กว่าๆ วันนั้นเป็นวันที่รายการดูเหมือนจะเงียบเหงาเป็นพิเศษ ไม่มีคนโทรมามากนัก แต่แล้วเรื่องสยองก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งโทรเข้ามาทางรายการ

ซึ่งที่น่าแปลกคือ เธอไม่ยอมบอกชื่อ ไม่บอกว่าโทรมาจากไหน เมื่อดีเจถามเธอก็เอาแต่เงียบ มีเพียงวิเวกวังเวงแปลกๆลอยเข้ามาในสาย แต่แล้วสักพักเธอก็เริ่มเล่าเรื่อง

"หนู ทำ ง า น ก ล า ง คื น...........เ ลิ ก ดึก ม า ก..........ห นู ขี่ ร ถ เ ค รื่ อ ง ม า ทำ ง า น.........." เธอเล่าๆ หยุดๆ ทำให้ดีเจต้องคอยกระตุ้นเป็นระยะๆ ที่น่าสนใจคือ "น้ำเสียง" น้ำเสียงผู้หญิงที่โทรเข้ามาแปลกๆ เสียงดูยานคางและเย็นยะเยือกแบบบอกไม่ถูก "คื น นั้ น ห นู เ ลิ ก ง า น ป ระ ม า ณ ตี ห นึ่ ง ขี่ ร ถ ก ลั บ บ้ า น ท า ง ด อ ย สะ เ ก็ ด ..........มั น มื ด ม า ก.........แ ล้ ว หนู ก็ เ จ อ มั น........" จากนั้นก็มีเสียงสะอื้นเบาๆ แล้วเงียบไป พร้อมกับได้ยินเสียงผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นผู้ช่วยดีเจพูดด้วยเสียงสั่นๆ แว่วๆ ออกมาว่า "พี่..มันแปลก ๆ หนูจะไม่ไหวละนะ" พอพูดจบ เสียงผู้หญิงในสายก็เริ่มร้องไห้สะอื้นโหยหวน พร้อมกับเล่าต่อว่า ".........มั น ต า ม หนู ม า ....แ ล้ ว มั น..ฮือ....ฮือ..แ ล้ ว มั น ก็ .....ฆ่า!!" ได้ยินถึงตรงนี้เสียงผู้ช่วยก็ร้องออกมาว่า"ไม่ไหวแล้ว" เสียงกรี๊ดร้อง เสียงโวยวายในห้องส่งเริ่มดังขึ้นอย่างโกลาหล สักพักรายการก็ได้ตัดเข้าเพลง

หลังจากคืนนั้นเรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องฮือฮาที่คนต่างพูดถึงและตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทำไมรายการถึงกับต้องหยุดเผยแพร่ไปสักพักใหญ่เลยทีเดียว

แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ!! 1-2 วันหลังจากนั้น มีคนเจอศพผู้หญิงถูกฆ่าที่พงหญ้าข้างทางบนถนนสายเชียงใหม่ดอยสะเก็ด สภาพศพขึ้นอืด น่าจะเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว ลักษณะเป็นผู้หญิงทำงานกลางคืนแถวไนท์บาร์ซ่า คาดว่าน่าจะถูกพวกโจรถีบรถล้ม ทำร้ายแล้วชิงทรัพย์ และหมกศพในพงหญ้า ก็เลยสันนิษฐานกันว่า หญิงสาวน่าจะโทรมาเพื่อขอความช่วยเหลือนั่นเอง

เครดิต : pantip.com/topic/34505887